‘สพฐ.’ ยัน ร.ร.ไม่เรียกรับ นร.เพิ่ม ส่งทีมตรวจรับมือเปิดเทอมเน้น ‘สะอาด-ถูกหลักสุขาภิบาล’

‘สพฐ.’ ยัน ร.ร.ไม่เรียกรับ นร.เพิ่ม ส่งทีมตรวจรับมือเปิดเทอมเน้น ‘สะอาด-ถูกหลักสุขาภิบาล’

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) รักษาราชการแทนเลขาธิการ กพฐ. เปิดเผยว่า ตนได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกเขตทั่วประเทศ เรื่องการทำความสะอาดครัว โรงอาหารเพื่อเตรียมความพร้อมต้อนรับนักเรียนเปิดเทอม เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงเปิดภาคเรียนของโรงเรียนในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีความห่วงใยสุขภาพอนามัยของนักเรียน จึงต้องการแจ้งเตือนให้โรงเรียนทุกโรง ทำความสะอาดครัว โรงอาหารให้ถูกสุขาภิบาลอาหาร รวมถึงสุขลักษณะที่ดีในการให้บริการอาหารแก่นักเรียนในช่วงเปิดภาคเรียน เนื่องจากช่วงปิดภาคเรียนที่ผ่านมา ครัวและโรงอาหารไม่ได้ใช้งาน อาจจะเกิดการสะสมของฝุ่นละออง หยากไย่ รวมทั้งอาจเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่าง ๆเช่น นก หนู แมลงนำโรคได้ สพฐ.จึงขอให้ สพท.แจ้งโรงเรียนในสังกัดดำเนินทำความสะอาดครัวและโรงอาหาร ตามข้อแนะนำของกรมอนามัย เพื่อให้เป็นไปตามหลักสุขาภิบาลอาหาร และสุขลักษณะที่ดีด้วย

“ขณะนี้โรงเรียนในสังกัด สพฐ.ได้ทยอยเปิดเทอมไปบ้างแล้ว และจะเปิดเทอมเต็มรูปแบบในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ แต่เนื่องจากยังมีผู้ปกครองและนักเรียนบางส่วนซึ่งจำนวนไม่มากนัก ที่ยังหวังจะให้โรงเรียนเรียกรับนักเรียนเพิ่มเติม แม้จะมีนักเรียนอาจจะมีที่เรียนแล้ว แต่อาจจะไม่เป็นที่พอใจของผู้ปกครอง ขอยืนยันว่าโรงเรียนจะไม่มีการเรียกรับนักเรียนเพิ่มอีก เพราะกระบวนการรับนักเรียนต่างๆ ได้จบลงหมดแล้ว นโยบายและแนวปฏิบัติการรับนักเรียน สังกัด สพฐ.ปีการศึกษา 2562 กำหนดจำนวนนักเรียนต่อห้องไว้ชัดเจน ซึ่งโรงเรียนที่รับนักเรียนเต็มตามจำนวนแล้ว จะไม่มีการขอขยายห้องเรียนเพิ่ม เพราะฉะนั้น ขอให้ผู้ปกครองตัดสินใจพาบุตรหลานไปเข้าเรียนในโรงเรียนที่ได้รับการจัดสรร เพื่อให้นักเรียนไม่เสียโอกาสในการเรียนและได้เรียนไปพร้อมกับเพื่อน”นายสนิทกล่าว

นายสนิท กล่าวต่อว่า มั่นใจว่าทุกโรงเรียนเตรียมพร้อมในการเปิดเทอมแล้ว และในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมอย่างเป็นทางการที่ได้กำหนดไว้ สพฐ.จะแบ่งสายผู้บริหารไปตรวจเยี่ยม ดูความเรียบร้อย ความปลอดภัยด้านต่างๆ เช่น ด้านสิ่งก่อสร้าง สำรวจจุดอันตรายในบริเวณโรงเรียน ซ่อมแซมอาคารเรียน ประตูหน้าต่าง อุปกรณ์ไฟฟ้า และวางแผนเตรียมรับมือเหตุการณ์ต่างๆ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและสภาพแวดล้อมในโรงเรียน ดูแลให้สะอาด ร่มรื่น กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง หนู สัตว์เลื้อยคลาน งู และสำรวจเส้นทางเดินทาง ไป-กลับของนักเรียน เป็นต้น และด้านสุขภาพอนามัย ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสุขภาพนักเรียนทุกคน ขณะเดียวกัน สพฐ.ได้จัดสรรงบประมาณในโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ไปให้แก่สถานศึกษาเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา”นายสนิท กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image