เมื่อวันที่24 พฤษภาคมที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่นคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา(กอปศ.) แถลงผลงาน“กอปศ. รายงานประชาชน2 ปีปฏิรูปการศึกษาก้าวหน้าอย่างยั่งยืน” โดยนพ.จรัสสุวรรณเวลาประธานกอปศ. กล่าวว่ากอปศ.จะครบวาระตามกฎหมายในวันที่29 พฤษภาคม2562 ซึ่งตามแผนกอปศ.มีหน้าที่จัดทำข้อเสนอแนะและร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาโดยดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว3 ฉบับพ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาพ.ศ.2561 พ.ร.บ.การพัฒนาเด็กปฐมวัยพ.ศ.2562 และพ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาพ.ศ.2562 รวมถึงแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้วขณะเดียวกันยังมีร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติพ.ศ…. ที่ได้เสนอรัฐบาลไปแล้วเช่นกัน
นพ.จรัสกล่าวต่อว่าพร้อมกันนี้ได้จัดทำรายงานของกอปศ. สรุปรายงานสำหรับผู้บริหารเป็นการนำข้อมูลทางการศึกษาที่ไม่ได้ใส่ไว้ในร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติพ.ศ… แต่เป็นหลักฐานข้อมูลที่เป็นต้นตอสาเหตุของปัญหาที่สำคัญรวมถึงยังได้มีข้อเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อให้รัฐบาลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้การปฏิรูปการศึกษาของไทยได้ทำอย่างต่อเนื่องครั้งล่าสุดคือการปฏิรูปการศึกษาเมื่อปี2542 ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาการศึกษาอย่างต่อเนื่องและดีขึ้นตามลำดับแต่ก็พบว่าการปรับแก้แต่ละส่วนตามลักษณะปัญหาไม่สามารถทำให้การศึกษาพ้นจากสภาพปัญหาได้จำเป็นต้องมีการแก้ไขในลักษณะที่เป็นการปฏิรูปการศึกษาใหญ่โดยได้เสนอไว้ในแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา
“การปฏิรูปครั้งที่แล้วมีความพยายามทำอย่างเต็มที่และเกิดผลอย่างต่อเนื่องแต่ผลที่เกิดยังไม่ดีพอในปัจจุบัน จำเป็นที่ทุกส่วนต้องเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหาซึ่งปัญหาใหญ่อยู่ที่หลักคิดคือค่านิยมของสังคมในเรื่องใบปริญญาหรือใบรับรองแทนที่จะเน้นความสามารถของคนซึ่งจำเป็นต้องปรับอีกเรื่องคือการที่คิดว่าการศึกษาเป็นหน้าที่ของรัฐทั้งหมดแต่สุดท้ายแล้วการจะทำให้การปฏิรูปประสบความสำเร็จทุกภาคส่วนของสังคมต้องมาช่วยกัน อีกประเด็นหลักคือการศึกษาจะต้องเปลี่ยนเป็นการศึกษาตลอดชีวิตเป็นการศึกษาต่อเนื่องเน้นผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาไม่ใช่เรียนแล้วคือคำตอบแต่เป็นการเรียนรู้คือคำตอบระบบบริหารต้องเปลี่ยนที่ผ่านเป็นระบบบริหารความเหมื่อนทั่วประเทศเป็นบริหารความแตกต่างหลากหลายจึงจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้การปรับการศึกษาให้ตรงกับผู้เรียนเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง การแก้ปัญหาต้องลงลึกไปกว่าเดิมเพราะปัญหาที่อยู่บนผิวน้อยกว่าปัญหาที่ลงลึกอยู่ข้างในที่ผ่านมาประเทศไทยได้ถดถอยเป็นอันมากในช่วง20-30 ปีที่ผ่านมาประเทศอื่นแซงหน้าและหากในอีก10 ปีข้างหน้าเรายังถูกประเทศอื่นแซงอีกเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ การปฏิรูปครั้งนี้ต้องประสบความสำเร็จอย่างน้อยใน4-5 ปีควรจะต้องเห็นความเปลี่ยนแปลง“นพ.จรัสกล่าวส่วนตัวคงไม่ประเมินการทำงานของกอปศ. ตั้งแต่ที่เข้ามาทำงานก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ยากการที่มารับหน้าที่นี้เพราะคิดว่าพอทำประโยชน์ได้