อ.จุฬาฯ เซ็งนักการเมืองเมินศธ. เหตุทำงานยาก-เปลืองตัว

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ฝ่ายข่าวการศึกษา มติชน ได้ทำโพลสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับ นโยบายเร่งด่วนที่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) คนใหม่ควรทำเป็นงานแรก คือเรื่องใดนั้น ปรากฏว่ามีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยหนึ่งในความเห็นอยากให้ยกเลิกการรับน้องระบบโซตัสในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอย่างเด็ดขาด รวมถึงปลูกฝังแนวคิดประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในหลักสูตรนั้น  ที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงที่เป็นสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)ได้ย้ำกับมหาวิทยาลัยและนิสิต นักศึกษามาโดยตลอดให้จัดการรับน้องอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช้ความรุ่นแรง ซึ่งช่วงเปิดภาคเรียนที่จะถึงนี้ อว.เตรียมจะย้ำมาตรการดังกล่าวอีกครั้ง ในส่วนของอว. คงไม่สามารถไปออกระเบียบหรือข้อบังคับให้มหาวิทยาลัยยกเลิกการรับน้องได้ เพราะมหาวิทยาลัยมีอิสระในการกำกับดูแลตัวเอง เพียงแต่เป็นการขอความร่วมมือ ให้จัดรับน้องอย่างสร้างสรรค์ คำนึงถึงวัฒนธรรมที่ดีขององค์กร มหาวิทยาลัย รวมถึงเสริมสร้างความรัก สามัคคีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่า ระบบโซตัสเป็นเรื่องที่ดี หากเข้าใจและใช้อย่างถูกวิธี จะเป็นประโยชน์ เพราะเป็นระบบที่ให้รุ่นพี่ดูแลรุ่นน้อง ส่วนรุ่นน้องก็มีความเคารพรุ่นพี่ เป็นวัฒนธรรมที่ดีงาม ส่วนการปลูกฝังแนวคิดเรื่องประชาธิปไตยสิทธิ มนุษยชนลงไปในหลักสูตรนั้น ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง ทำเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้น อว.เองคงไม่ไปย้ำอะไรเป็นพิเศษ

“การทำงานของอว. ขณะนี้เป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อเดินหน้ากระทรวงใหม่ ซึ่งภาพรวมไม่มีปัญหา งานทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ และเข้าใจว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังรอดูทิศทางการเมือง ซึ่งผมเองไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการอว. ก็พร้อมที่จะทำงานด้วย แต่อยากให้เป็นคนที่รู้จักอุดมศึกษา พร้อมผลักดันงานวิจัย เพื่อสร้างนวัตกรรมเพื่อพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง” นพ.สรนิตกล่าว

นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการศธ.และรัฐมนตรีว่าการอว. จะต้องตั้งโจทย์ ทิศทางการพัฒนาพลเมือให้ให้รู้ทันความเปลี่ยนแปลง เมื่อได้โจทย์แล้ว กระบวนการทำงานจะตามมา ซึ่งส่วนตัวอยากให้รัฐมนตรีทั้ง 2 กระทรวงคิดให้รอบคอบและมีเป้าหมายชัดเจน ไม่ใช่โจทย์ของพรรคการเมืองใด ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกังวล เพราะแต่ละพรรคก็จะมีชุดนโยบายของตัวเอง ทั้งนี้เมื่อเข้ามาแล้ว สิ่งที่ต้องเริ่มดำเนินการ คือหาวิธีปรับกลไกระบบราชการให้เห็นความสำคัญของความเปลี่ยนแปลง ทั้งจากภายในสู่ภายนอกและจากล่างขึ้นบน เป็นการปฏิรูประบบ ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน ที่สำคัญในส่วนของศธ. ตนอยากให้รัฐมนตรี เข้ามาดูแลเรื่องระบบการสอบและการประเมินผล ทั้งการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ระบบการประเมินสถานศึกษา ให้เป็นระบบที่มีคุณภาพ สะท้อนถึงการพัฒนาการเรียนการสอนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นระบบที่ยึดติดอยู่กับคะแนนสอบเช่นปัจจุบัน

“เท่าที่ดูสถานการณ์การเมือง กลายเป็นว่าศธ. เป็นกระทรวงที่พรรคการเมืองไม่ให้ความสำคัญ ถูกเหลี่ยงไปมา สะท้อนให้เห็นว่า พรรคการเมืองเองก็เห็นแล้วว่า ศธ. เป็นกระทรวงที่เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ พรรคการเมืองเริ่มมองศธ. เป็นกระทรวงที่เข้ามาทำงานยาก เข้ามาแล้วเปลืองตัว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ทั้งที่เป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณมาก และมีครู มีเด็กที่ต้องดูแลจำนวนมาก” นายสมพงษ์กล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image