‘วุฒิศักดิ์’ ชี้ ‘สุวิทย์’ เหมาะสมคุม อว. วอน ‘ศธ.-อุดม’ เชื่อมโยงพัฒนาการศึกษาร่วมกัน
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.ร.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 และมีกระแสข่าวว่ามีการจัดโผแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยล่าสุดคาดว่า นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) นั้น ตนมองว่า นายสุวิทย์ มีความเหมาะสมเป้นรัฐมนตรีว่าการ อว. เพราะเป็นหนึ่งในบุคคคลที่มีส่วนร่วมผลักดันให้เกิด อว.ขึ้นมา อย่างไรก็ตามขณะนี้มหาวิทยาลัยถูกจัดกลุ่ม เป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยวิจัย และกลุ่มมหาวิทยาลัยไม่วิจัย ซึ่งตนมองว่าทุกมหาวิทยาลัยควรส่งเสริมประเทศด้วยการทำวิจัย เพื่อผลักดันประเทศให้พัฒนา ก้าวหน้ามากขึ้น รวมทั้งนวัตกรรม อยากให้ รัฐมนตรีว่าการ อว.ช่วยเรื่องการจดสิทธิบัตร โดยการประสานงานกับกรมทรัพย์สินทางปัญหา ให้มหาวิทยาลัยได้รับสิทธิบัตรเร็วขึ้น เพื่อนำนวัตกรรมที่พัฒนาไปใช้พัฒนาประเทศ
“ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นกระทรวงที่สำคัญมาก เพราะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาบุคลากรของประเทศ ทั้งในการศึกษาระดับขั้นพื้นฐาน การศึกษาในระดับอาชีวศึกษา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าใครจะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ. ผมไม่ทราบว่าเป็นเพราะมีคนแย่งจำนวนมาก หรือไม่มีคนแย่งเลย ถ้าเป็นกระทรวงที่ไม่มีใครแย่งเลย อาจเพราะศธ.เป็นกระทรวงที่มีภารกิจมาก การขับเคลื่อนงานต่างๆอาจใช้เวลานาน แต่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะหาคนที่เหมาะสมเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.”นายวุฒิศักดิ์ กล่าว
นายวุฒิศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องใดควรเป็นเรื่องแรกรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ควรพัฒนาปรับปรุง ตนมองว่าสถานะความเป็นอยู่ของครูและบุคคลากรทางการศึกษาควรปรับปรุง พัฒนาให้ดีขึ้น เพื่อช่วยเสริมสร้างขวัญกำลังใจในการทำงานสอนนักเรียนต่อไป และส่งเสริมให้ครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และปฎิรูปพัฒนาการการศึกษาให้ดีขึ้น
“แม้ว่าอุดมศึกษาจะถูกแยกออกมาก็ตาม แต่ผมอยากให้ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. และรัฐมนตรีว่าการ อว. บรูณาการงานข้ามกระทรวงเพื่อพัฒนาการศึกษาภาพรวมของประเทศให้สอดคล้อง เชื่องโยงกัน ไม่ควรขาดตอนออกจากกัน เช่น เรื่องวิทยาศาสตร์ วิจัย ควรส่งเสริมในระดับมัธยมศึกษา เพื่อให้นักเรียนสามารถต่อยอดความรู้ในระดับอุดมศึกษาด้วย” นายวุฒิศักดิ์ กล่าว
นายไพทูรย์ อักษรครบุรี ประธานเครือข่ายครูโคราช กล่าวว่า จากกระแสจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา จะพบว่า ศธ. ถูกมองข้าม แม้จะเป็นกระทรวงที่ใหญ่และได้รับงบประมาณจำนวนมากก็ตาม ตนคาดว่าเพราะ ศธ.มีปัญหาต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่อง การร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. … ที่มีข้อถกเถียงกันจำนวนมาก นักการเมืองอาจกลัวว่าจะส่งผลกระทบกับตนเอง กระทบฐานเสียง จึงโยนกันไปมาเช่นนี้ อีกทั้งการพัฒนาการศึกษาต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล รัฐมนตรีว่าการศธ. อาจจะสร้างผลงานไม่ได้ ต้องปรับเปลี่ยนผลงานเดิมๆ เพื่อสร้างมาเป็นผลงานของตน
นายไพทูรย์ กล่าวต่อว่า ส่วนใครที่มาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.นั้น เป็นใครก็ได้ ตนไม่มีเงื่อนไขหรือข้อคิดเห็น ขอเพียงเป็นคนที่รับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะครูและบุคลากรทางการศึกษา และควรเป็นคนที่มีประสบการณ์ด้านงานการศึกษา มาก่อน เน้นการมีส่วนร่วมคิดร่วมพัฒนาการศึกษา อย่ายึดแต่นโยบายของตนเอง
“ผมอยากให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ. คนใหม่ มุ่งเน้นพัฒนาการนักเรียน ส่งเสริมให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ พัฒนาสถานศึกษาโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ให้ความสำคัญกับโรงเรียนขนาดเล็กมากขึ้น ลดภาระงานของครูที่ไม่จำเป็น เช่น ครูเดิมที่ไม่ค่อยอยู่ในห้องเรียนเพราะต้องทำงานอื่นเป็นจำนวนมาก ต่อไปให้ครูอยู่ในห้องเรียน มุ่งมั่นสอนนักเรียนอย่างเต็มที่ ผู้อำนวยการโรงเรียน ควรอยู่ประจำโรงเรียนเพื่อดูแล อำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นภายในโรงเรียน และศึกษานิเทศก์ ควรลงพื้นที่นิเทศก์งานการสอน เป็นต้น” นายไพทูรย์ กล่าว
