‘อรรถพล’ เล็งฟ้องอาญา 3 บิ๊กศธ.สรรหาเลขาสกสค.มิชอบ มั่นใจคลิปเสียงหลักฐานเด็ด!!

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นายอรรถพล  ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ศาลปกครองกลางได้นัดไต่สวน กรณีที่ตนยื่นฟ้องคณะกรรมการสกสค. โดยเป็นการนัดไต่สวนคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงตามข้อ 49/2 แห่งระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางปกครอง 2543 ทั้งนี้ศาลได้แจ้งเหตุที่ใช้ระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลากร เพื่อให้การพิจารณาคดีรวดเร็วขึ้น  ขณะเดียวกันตนได้ยื่นคำฟ้องเพิ่มเติม ซึ่งศาลได้มอบคำฟ้องเพิ่มเติมให้กับผู้ถูกฟ้องและแจ้งนัดไต่สวนอีกครั้งวันที่ 4 กรกฎาคม  หลังจากนั้นจะดำเนินการพิพากษาให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ดังนั้นคดีนี้จะเร็ว เนื่องจากศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นคดีซึ่งสังคมให้ความสนใจ และเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องหลายรายใกล้เกษียณอายุราชการ จึงใช้อำนาจให้มีการนัดไต่สวนโดยอาศัยอำนาจตามที่ประชุมใหญ่ตุลากร

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่ยื่นฟ้องครั้งแรกกับที่ยื่นฟ้องเพิ่มเติม เริ่มตั้งแต่กรณีที่สำนักงานปลัดศธ. เอาบทบาทหน้าที่ของการทำหนังสือเชิญประชุม บทบาทหน้าที่การทำงาน ในนามคณะกรรมการสกสค. ซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักงานสกสค. ตามมาตรา 67 แห่งพ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ไปทำเอง มีผู้สมัคร 2 ใน 4 รายได้ยื่นสมัครผิดเงื่อนไข ตามประกาศการสรรหา ในการแนบคุณวุฒิ การแนบหลักฐาน  โดยในประกาศระบุว่า ถ้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขจะไม่รับพิจารณาแต่ปรากฏว่าที่ประชุมกับรับพิจารณา  กรณีปลัดศธ. ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่นัดประชุมอย่างเดียวแต่กลับใช้เป็นข้ออ้างว่า ได้รับมอบอำนาจให้ทำจนเสร็จ ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการศธ. มาแสดง ซึ่งจะต้องมีคำสั่งเป็นหนังสือมอบอำนาจเป็นการเฉพาะอีก 1 ฉบับ

นายอรรถพล กล่าวต่ออีกว่าอย่างไรก็ตามในการประชุมคณะกรรมการสกสค.วันที่ 28 พฤษภาคม  รองนายกฯ ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการศธ. ไม่ได้มาประชุมแต่ปรากฏว่า ปลัดศธ. ใช้ข้ออ้างรองนายกฯ มอบหมาย และได้เซ็นชื่อเข้าประชุม ในตำแหน่งรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการศธ.  และให้นายประเสริฐ  บุญเรือง รองปลัดศธ. เข้าประชุมแทนในฐานะปลัดศธ. ซึ่งนายประเสริฐไม่มีสิทธิ เข้าประชุม ตราบใดที่นายการุณ ได้นั่งอยู่ในที่ประชุมด้วย เนื่องจากพ.ร.บ.สภาครูฯ เขียนไว้ชัดเจนว่า กรณีประธานไม่เข้าร่วมประชุมให้คณะกรรมการฯเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธาน ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นตำแหน่งใด ก็ยังคงเป็นตำแหน่งนั้น  เพียงแต่เป็นประธานที่ประชุม ดังนั้นกรณีนี้นายการุณ จึงยังเป็นปลัดศธ. ไม่ใช่จะสามารถสวมเสื้อเป็นรัฐมนตรีว่าการศธ.ได้  กรณีนี้กำหนดไว้ในกฎหมาย มาตรา 38 ของพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินว่า ต้องมอบเป็นหนังสือ และผู้ดำรงตำแหน่งต้องไม่อยู่ หรืออยู่แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่นายการุณ ทั้งอยู่ในที่ประชุม และปฏิบัติหน้าที่ได้

ปฎิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค. กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ยังมีการใช้ดุลยพินิจไม่ชอบ ปล่อยให้ผู้ที่มีสภาพร้ายแรง อันอาจทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เกิดความเป็นกลาง และไม่เกิดความเป็นธรรมเข้าร่วมประชุม โดยในการประชุมวันดังกล่าว มีกรรมการบางคน เป็นคู่กรณีเพราะในอดีตที่ผ่านมา ตนเป็นประธานกรรมการสืบข้อเท็จจริง และเสนอให้ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัย และเป็นที่รับรู้โดยทั่วไป ซึ่งโดยปกติเมื่อเปิดเผยชื่อผู้ได้รับการสรรหา กรรมการที่มีความขัดแย้งต้องออกจากที่ประชุม ไม่มีสิทธิพิจารณา อีกทั้ง การเปิดให้ลงคะแนนลับยังถือว่าไม่ชอบ เพราะในพ.ร.บ.สภาครูฯ ไม่มีมาตราใดเปิดโอกาสให้ลงคะแนนลับหรือพิจารณาวิธีลับได้    รวมถึงยังออกคำสั่งแต่ตั้งนายณรงค์ เป็นเลขาธิการสกสค.โดยไม่มีอำนาจ  และยังลัดขั้นตอน โดยปกติจะต้องมีการประชุมเพื่อรับรองมติ ออกประกาศ และให้มาทำสัญญา โดยผู้ได้รับการคัดเลือกต้องลาออกจากราชการก่อน แต่ครั้งนี้ประชุมคัดเลือกเสร็จและประกาศแต่งตั้งทันที

Advertisement

“ผมยังมีไฟล์เสียง การใช้อำนาจสั่งการ ให้ใคร สนับสนุนใคร เป็นพยานชิ้นเอก เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการประชุมคณะกรรมการสกสค. มีอยู่ 2-3 ไฟล์  แต่จะนำไปเปิดในศาลเมื่อถึงเวลาที่จำเป็น รับรองดิ้นไม่หลุด  ผมอยากให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง ถ้าการปฏิบัติแบบนี้  ให้ใครก็ได้ที่ไม่ได้เป็นกรรการมาประชุมและใช้เสียงแทนได้ ต่อไปการประชุมของทุกองค์คณะ ในทุกหน่วยงานก็จะมั่วไปหมด ทั้งนี้การฟ้องศาลปกครอง ผมได้ยื่นขอให้เพิกถอนกระบวนการตั้งแต่ชั้นคณะกรรมการสกสค. เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม และเพิกถอนรายชื่อผู้ที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในประกาศออก ซึ่งมี 2 รายและเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้ง  และอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารเพิ่มเติม เพื่อยื่นฟ้องศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยผู้ที่อยู่ในข่ายถูกฟ้องไม่ต่ำกว่า 3 ราย แต่ขอปกปิดชื่อไว้ก่อน มั่นใจว่า  จะเป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในวันข้างหน้าได้ด้วย โดยการฟ้องครั้งนี้จะไม่รอให้ศาลปกครองกลางตัดสินก่อน เพราะมั่นใจว่า  สิ่งที่ทำมาไม่ถูกต้อง แต่ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล”นายอรรถพลกล่าว

นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนได้ไปชี้แจงกับศาลปกครองกลาง และคณะกรรมการกฤษฎีกาตามที่สำนักงานปลัดศธ. เคยมีหนังสือหารือเกี่ยวกับการสรรหาไปแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image