เรียนไทยได้จีน : นิทานสุภาษิตจีน (154) 成语故事 (一五四)

(ที่มาภาพ HYPERLINK “http://image.baidu.com”)

นิทานสุภาษิตจีนที่ “เรียนไทยได้จีน” จะนำเสนอในฉบับนี้คือ 尊王攘夷 zūn wánɡ rǎnɡ yí (จุน หวัง หร่าง อี๋) โดย คำว่า 尊 zūn (จุน) แปลว่า เคารพ 王 wánɡ (หวัง) แปลว่า กษัตริย์ เจ้าผู้ครองนครรัฐ 攘rǎnɡ (หร่าง) แปลว่า ป้องกัน กำจัด ขับไล่ 夷 yí (อี๋) แปลว่า ชาวต่างชาติ ต่างชนเผ่า ศัตรู เมื่อรวมกันแล้วหมายถึงเคารพต่อกษัตริย์ขับไล่ศัตรู อาจหมายถึงการปกป้องสถาบันขับไล่ผู้รุกราน เป็นคำที่ใช้ในทางการเมือง ในที่นี้จะขอแปลว่า หยุดความขัดแย้งสร้างความปรองดอง

จีนในยุคราชวงศ์โจวตะวันตก 西周Xī Zhōu (ซี โจว) เนื่องจากโอรสสวรรค์ 天子 Tiān zǐ (เทียน จื่อ) บริหารบ้านเมืองผิดพลาด เกิดความวุ่นวายภายใน เหล่าเจ้าผู้ครองนครรัฐขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน กลับทะเลาะ ขัดแย้ง แข่งขัน ต่อสู้ แย่งชิงอำนาจกัน จนทำให้ราชวงศ์โจวที่เป็นศูนย์กลางอ่อนแอลง ประกอบกับเหล่าชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนทางเหนือรุกรานเข้าสู่ภาคกลางของจีนอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้เหล่าผู้ปกครองราชวงศ์โจวตัดสินใจย้ายเมืองหลวงไปทางตะวันออก แต่ไหนเลยจะรู้ได้ว่า หลังจากย้ายเมืองหลวงไปอยู่ทางภาคตะวันออกของเมืองหลวงเก่าแล้ว อำนาจบริหารของราชวงศ์โจวกลับยิ่งตกต่ำลงไปอย่างฉุดไม่อยู่ ขณะเดียวกันเหล่าเจ้าเมืองต่างๆกลับมีอำนาจมากขึ้น จนสุดท้ายก่อเกิดเป็นเจ็ดนครรัฐที่แก่งแย่งชิงอำนาจกันอย่างไม่หยุดหย่อน จีนยุคนี้ทางประวัติศาสตร์เรียกว่า จีนยุคชุนชิว 春秋 Chūn Qiū

แม้ว่าจีนจะเข้าสู่ยุคชุนชิวแล้ว แต่ทุกนครรัฐก็ถือเอาราชวงศ์โจวคือศูนย์กลางแห่งอำนาจ กษัตริย์แห่งโจวคือผู้มีอำนาจสูงสุด และเป็นโอรสแห่งสวรรค์เพียงผู้เดียว ด้วยเหตุนี้ เมื่อยามที่รัฐต่างๆ ขัดแย้งกันถึงขั้นยกทัพจับศึก ก็จะอ้างว่าได้รับบัญชาจากโอรสสวรรค์ให้มาปรับรัฐโน้นรัฐนี้ ต่างฝ่ายต่างอ้างความชอบธรรมของตน จึงเกิดสงครามระหว่างรัฐบ่อยครั้ง แม้ว่าแต่ละรัฐจะขัดแย้งกันมาก เมื่อยามที่แผ่นดินโดยรวมของเผ่าพันธุ์ถูกชนชาติอื่นรุกราน เช่นชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนทางเหนือ หรือชนเผ่าจากที่ราบลุ่มแม่น้ำทางใต้ เหล่านครรัฐก็จะรวมกลุ่มกัน สร้างกองกำลังร่วม โดยเชิดชูคำขวัญว่า เชิดชูกษัตริย์ต่อต้านชาวต่างชาติ และร่วมกันส่งกองกำลังเป็นกองทัพพันธมิตร ออกปราบปรามข้าศึก ส่วนผู้นำกองทัพพันธมิตรเหล่านี้ ก็จะขึ้นอยู่กับรัฐที่มีอำนาจมากที่สุดในช่วงเวลานั้น รัฐที่ใช้คำนี้เป็นคนแรกก็คือรัฐฉี 齐国/齊國 Qí Guó (ฉี กั๋ว) โดยในยุคต้นของชุนชิว รัฐฉีภายใต้การนำของฉีหวนกง 齐桓公/齊桓公Qí Huán Gōnɡ เป็นรัฐที่มีอำนาจและมีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่กว่าที่ฉีหวนกงจะทำให้รัฐนี้ยิ่งใหญ่ได้นั้นมีเรื่องเล่าว่า ตอนที่ฉีหวนกงยังอยู่ในช่วงแย่งชิงอำนาจกับบรรดาองค์ชายต่างๆ นั้น เขาเคยถูกขุนนางผู้มีชื่อเสียงแห่งยุคนามว่า 管仲Guǎn Zhònɡ (กว่าน จ้ง) ใช้ธนูยิงทำร้าย แต่เมื่อเขาได้อำนาจมาแล้ว เพื่อเห็นแก่ความสงบสุข และเห็นแก่ความสามารถในการช่วยบริหารบ้านเมืองของกว่าน จ้ง ฉีหวนกงจึงลืมเรื่องส่วนตัวเสีย และตั้งหน้าตั้งตาบริหารบ้านเมืองโดยมีกว่าน จ้ง ช่วยเหลืองานอย่างเต็มที่ จนรัฐฉีได้เป็นพี่ใหญ่แห่งเจ็ดรัฐในยุคนี้เลยทีเดียว บังเอิญกองทัพชนเผ่าเร่ร่อนจากทางเหนือ รุกรานลงมาทางใต้ ฉีหวนกงจึงประกาศรวบรวมกองทัพพันธมิตรจากทุกรัฐ ให้ทุกรัฐช่วยกันปกป้องเชิดชูโอรสสวรรค์ ร่วมกันต่อต้านศัตรู หากรัฐใดไม่ให้ความร่วมมือ ก็ถูกตราหน้าว่าไม่จงรักภักดี และทำตัวเป็นกบฏ ก็จะถูกรัฐต่างๆ รวมกันปราบปรามเอาได้ ด้วยวิธีการพูดเช่นนี้ ทุกรัฐจึงต้องส่งกองทัพออกมาช่วยอย่างเต็มที่ เมื่อกองทัพพันธมิตรพร้อมแล้ว ฉีหวนกงจึงนำทัพปกป้องแผ่นดิน ขับไล่ข้าศึกออกไปจากแผ่นดินได้ ด้วยวาทกรรมของฉีหวนกง คำนี้จึงกลายมาเป็นคำพูดที่ใช้ชักจูงให้เกิดความสามัคคีกัน สร้างความปรองดอง เพื่อร่วมอุดมการณ์อันเดียวกันในการทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วง โดยทิ้งความขัดแย้ง ลืมความแค้นส่วนตัวไปก่อน

ข้อคิดจากประโยคสุภาษิตนี้

Advertisement

成语比喻:面对外族入侵,结成民族统一战线。

成語比喻:面對外族入侵,結成民族統一戰線。

Chénɡyǔ bǐyù: Miàn duì wàizú rùqīn, jié chénɡ mínzú tǒnɡyī zhànxiàn.

Advertisement

เฉิงยหวี่ ปี่ยวี่ : เมี่ยน ตุ้ย ไหว้จู๋ รู่ชิน, เจี๋ย เฉิง หมินจู๋ โถงอี จ้านเซี่ยน

สุภาษิตเปรียบว่า ในยามเผชิญหน้ากับการรุกรานจากต่างประเทศ แนวร่วมแห่งชาติจึงก่อเกิด

ประโยคตัวอย่างที่ใช้สำนวนสุภาษิตนี้ เช่น

今天他说的这些话,可能是由于尊王攘夷的需要。

今天他說的這些話,可能是由於尊王攘夷的需要。

Jīntiān tā shuō de zhèxiē huà, kěnénɡ shì yóuyú zūn wánɡ rǎnɡ yí de xūyào.

จินเทียน ทา ฌัว เตอะ เจ้อเซีย ฮว่า, เข่อเหนิง ฉื้อ โหยว ยหวี จุน หวัง หร่าง อี๋ เตอะ ซวีเหย้า

คำที่เขาพูดในวันนี้ อาจเป็นเพราะต้องการที่จะสร้างความปรองดองขึ้น

ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image