สรรหาบิ๊กสกสค.วุ่นไม่จบ ‘การุณ’ แฉกลับไอ้โม่งหอบเอกสารลับพร้อมฝากดูแล

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(สป.ศธ.) ได้ทำหนังสือขอความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีการสรรหาเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เนื่องจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการรัฐมนตรีว่าการศธ. ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับการสรรหาเลขาธิการสกสค.และให้ยับยั้งเพื่อหาข้อยุตินั้น ตนได้มอบหมายให้นายประเสริฐ บุญเรือง รองปลัดศธ. ไปชี้แจงคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่เนื่องจากศาลปกครองรับฟ้องเป็นคดีดำแล้ว ตามระเบียบของคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงไม่รับเรื่องไว้พิจารณา ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ตนเคยเป็นคู่ขัดแย้งในช่วงเข้ารับการสรรหาเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.) เมื่อปี 2556 นั้น สร้างความเสียหายให้กับตนมาก ทำให้ดูกลายเป็นผู้ร้าย โดยกล่าวหาว่า ช่วงที่สอบเป็นรองเลขาธิการกช. ส่อทุจริตและมีนักการเมืองให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเรื่องผ่านมา 7-8 ปี แล้ว ทำไมไม่ฟ้องตั้งแต่ตอนนั้น ที่ตนได้รับคัดเลือกรองเลขาธิการ กช. เป็นเพราะผลงานที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายการุณ กล่าวต่อว่า ส่วนการสืบสวนข้อเท็จจริง โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือ อควาเรียม ของวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) นั้น นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ อดีตรัฐมนตรีว่าการศธ. มอบให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนฯ และกรณีตรวจสอบการทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต คนแรกที่ทำเรื่องนี้อย่างจริงจังและจับนางรจนา สินที อดีตข้าราชการระดับ 8 ที่ดูแลเรื่องดังกล่าว จนรับสารภาพว่าทำผิดจริงก็คือตน

“ขณะนี้ผมถูกพาดพิงหลายเรื่องและมีข่าวว่าจะมีการฟ้องอาญาด้วย ซึ่งหากมีเรื่องที่ไม่สบายใจ ก็สามารถมาคุยกันได้ การสรรหาเลขาธิการ สกสค. นั้น ยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนใคร แต่เป็นไปตามกระบวนการ ถูกต้องโปร่งใส ขณะเดียวกันยังมีกระแสข่าวว่า มีการไปล็อบบี้เชิญชวนให้ไปอยู่ฝั่งโน้น ฝั่งนี้ แต่ที่ผมรู้ชัดเจนคือ มีผู้สมัครเลขาธิการสกสค.บางรายได้หอบเอกสารซึ่งเป็นความลับทางราชการมาหาผมซึ่งผมก็แปลกใจว่ามีเอกสิทธิใดถึงนำเอกสารทางราชการมาเปิดเผยได้ ระบุว่าผู้สมัครรายอื่นขาดคุณสมบัติและสุดท้ายฝากให้ดูแลตัวเองด้วย เรื่องนี้ผมจะดำเนินการให้ถึงที่สุด โดยได้มอบหมายให้ทางสำนักนิติการ สป.ศธ. สอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนจะเป็นใครนั้น ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้” นายการุณกล่าว และว่า ส่วนที่จะฟ้องอาญานั้น ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าปล่อยให้คู่กรณีของผู้สมัครเลขาธิการสกสค.อยู่ในห้องประชุมในระหว่างการพิจารณาสรรหาเลขาธิการ สกสค. ทั้งที่ควรออกจากห้องประชุมนั้น กรณีนี้ยังไม่ถือเป็นคู่กรณี เพราะการสืบข้อเท็จจริง สำนวนอยู่ที่นิติกร สป.ศธ.ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่า ใครถูกชี้มูล แม้กระทั่งผู้ที่ถูกสอบสวน ก็ยังไม่ทราบ

ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า หลังคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่รับเรื่องไว้พิจารณา ตนได้หารือกับปลัดศธ.และเตรียมหาเอกสารที่ทางศาลปกครองกลางได้ขอเพิ่มเติม คือ เอกสารของคณะกรรมการสรรหา เพื่อไปชี้แจงศาลเพิ่มภายใน 15 วัน รวมถึงได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อชี้แจงศาลด้วย ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าตนเป็นคู่ขัดแย้ง ในขณะที่นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค. เป็นประธานสืบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตนั้น กองทุนเสมาฯ ดำเนินการมากว่า 14 ปี และตนก็ไม่รู้ว่าถูกชี้มูลความผิดเรื่องกองทุนเสมาฯ หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่รู้ตัวว่าเป็นผู้ขัดแย้ง เพราะตนไม่ได้ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัย อีกทั้งตนก็ไม่มีความผิดเรื่องนี้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image