อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสร้างรายได้ 2 แสนล.ปี’60-61 ก้าวขึ้นอันดับ 5 ผู้นำเอเชีย

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ ครั้งที่ 2/2562 เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบวีดิทัศน์รายงานผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ระยะที่ 3 (พ.ศ.2560-2564) ซึ่งรัฐบาลโดย “ทีมประเทศไทย” ที่เป็นการบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และภาคีเครือข่ายต่างๆ ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยในปี 2560-2561 สร้างรายได้ให้แก่ไทยรวมมูลค่าไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี และพัฒนาองค์ความรู้ และให้ทุนสนับสนุนทุนการผลิตภาพยนตร์และวีดิทัศน์กว่า 190 โครงการ

“ในปีที่ผ่านมาคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ ในนามทีมประเทศไทยได้เข้าร่วมงานเทศกาลและตลาดภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในต่างประเทศ 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส เพื่อเจรจากับนักลงทุนทั่วโลก และมีมูลค่าการเจรจากว่า 3.8 พันล้านบาท รวมทั้ง ได้ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของอาเซียน ซึ่งผลจากการดำเนินงานดังกล่าวได้เพิ่มศักยภาพ ทำให้ไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในกลุ่มอาเซียน โดยอยู่อันดับ 5 ในภูมิภาคเอเชีย รองจากญี่ปุ่น จีน อินเดีย และเกาหลีใต้ พร้อมก้าวสู่ระดับโลกอย่างยั่งยืน” นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้รับรายงานการขออนุญาตเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย และที่เกี่ยวข้อง ประจำปี 2562 ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม มีทั้งหมด 312 เรื่อง มีประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทยมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 53 เรื่อง อินเดีย 45 เรื่อง และจีน 39 เรื่อง ส่วนประเภทภาพยนตร์ที่เข้ามาถ่ายทำในไทยมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ภาพยนตร์โฆษณา/ ประชาสัมพันธ์ 166 เรื่อง สารคดี 66 เรื่อง และรายการโทรทัศน์ 51 เรื่อง รายได้จากการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยรวมกว่า 2,879 ล้านบาท โดยประเทศที่เข้ามาถ่ายทำ และสร้างรายได้จากการเข้าถ่ายทำมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ และไอร์แลนด์เหนือ กว่า 761 ล้านบาท ฮ่องกง กว่า 649 ล้านบาท และสหรัฐ กว่า 475 ล้านบาท

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image