ร้องขบวนการหลอกขายข้อสอบครูผช. อ้างซื้อเลขาฯกพฐ. 100 ล. ขายเหยื่อ6แสน ‘สุเทพ’ เดือด-สั่งตั้งกก.สอบ
เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมายื่นหลักฐานการกระทำความผิดของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่กระทำการส่อทุจริตคอรัปชั่น หลอกลวงชาวบ้านว่าสามารถขายข้อสอบให้บุตรหลานสอบเป็นครูผู้ช่วยได้ ต่อนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. โดยมีนายพีระ รัตนวิจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นผู้รับเรื่อง
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า มีผู้ร้องเรียนกับตนว่ามีขบวนการแอบอ้างซื้อข้อสอบในการจัดสอบครูผู้ช่วย มาจากเลขาธิการ กพฐ. เป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาท ในพื้นที่ภาคอีสาน แล้วนำมาขายข้อสอบให้ผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกสอบครูผู้ช่วย โดยเสียเงินรายละ 600,000 บาท โดยให้มัดจำก่อนรายละ 100,000 บาท เมื่อจ่ายเงินแล้วถึงเวลาก็ไปสอบตามปกติ และจะได้เป็นข้าราชการครูแน่นอน ในวันนี้ตนนำหลักฐานทั้งภาพหัวหน้าขบวนการ หลักฐานการโอนเงิน ซึ่งจะมีรายชื่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ และในวันที่ 18 กันยายนนี้ จะร้องเรียนต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย
“ได้ภาพดังกล่าวมาเพราะมีเด็กเคยโดนหลอก และเขาก็ตรวจสอบแล้วพบว่าในช่วงนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่มีการจัดสอบครูผู้ช่วย จึงแฝงตัวเข้าไปบันทึกภาพและอัดเสียงการประชุมในกลุ่มผู้ปกครองไว้เป็นหลักฐาน เรามีหลักฐานทั้งหมด ขบวนการเหล่านี้เป็นข้าราชการครู และบางคนมีตำแหน่งถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ด้วย” นายอัจฉริยะ กล่าว
ด้านนายพีระ กล่าวว่า ทางสพฐ. ทราบเรื่องแล้ว และนายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการ กพฐ. ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง โดยมีตนเป็นประธาน ขอยืนยันว่าสพฐ.ไม่ได้เป็นหน่วยงานในการออกข้อสอบเพื่อจัดสอบครูผู้ช่วย เพราะได้มอบอำนาจให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน หากสพท.ใดมีตำแหน่งครูว่างอยู่ กศจ.สามารถจัดสอบได้ทันที ดังนั้นถ้ามีการอ้างว่าเอาข้อสอบมาจากสพฐ.นั้น เป็นไปไม่ได้ และถ้าพบว่าข้าราชการครูทำผิดจริง ก็ว่าไม่ตามกฎหมาย โดยมีโทษคือวินัยร้ายแรง คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงจะเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ หาความจริงโดยเร็ว
ด้านนายสุเทพ กล่าวว่า ตนนำเรียนรัฐมนตรีว่าการ ศธ. แล้ว และได้ประสานนายอัจฉริยะ ว่าต้องหาตัวคนทำผิดให้ได้ แต่ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นครูจริงหรือไม่ ถ้าพบว่าครูทำจริง ถือว่าทำให้องค์กรเสียหาย มีโทษคือวินัยร้ายแรงและไล่ออกสถานเดียว ถ้าคนทั่วไปทำ ก็ให้ว่าไปตามกฎหมาย เบื้องต้นเชื่อว่ากศจ.โปร่งใส ไม่น่ามีใครเอาตำแหน่งหน้าที่มาเสี่ยง ถ้ามี อาจทำเป็นรายบุคคล