เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังหารือกับตัวแทนเจ้าหน้าที่ธุรการ และเครือข่ายนักการภารโรง เพื่อแก้ไขปัญหา กรณีถูกปรับวิธีการจ้างเป็นลูกจ้างเหมาบริการ จากเดิมเป็นลูกจ้างชั่วคราว ถูกตัดงบสมทบกองทุนประกันสังคม และขณะนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) แจ้งยกเลิกการประกันตน และให้ธุรการ ภารโรง ทั่วประเทศ ไปติดต่อขึ้นทะเบียนประกันสังคมด้วยตนเอง ทำให้เกิดความเดือดร้อน ว่า ตนรับปัญหาและรับจะแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้สั่งการให้นายประเสริฐ บุญเรือง รักษาราชการแทนปลัดศธ. และนายอำนาจ วิชยานุวัติ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พูดคุยกับผู้ได้รับผลกระทบ จัดสรรงบของศธ. ชดเชยให้การดำเนินชีวิต ให้ได้รับความต่อเนื่องของรายได้ ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งเรื่องบุคลกร โครงสร้าง ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรัง แต่ทั้งหมดต้องคำนึงถึงบริบทการใช้งบของศธ. ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ไม่ให้มีอัตราสูงในหน่วยใดหน่วยหนึ่งโดยไม่จำเป็น ไม่อยากให้กังวล ตนจะช่วยดูแล แต่ต้องให้เวลาในการบริหารจัดการงบ และบริหารจัดการบุคลากรโรงเรียนในแต่ละพื้นที่ ซึ่งโครงสร้างของศธ. ยังต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงคำนึงถึงประสิทธิการใช้งบประมาณด้วย ตนมั่นใจว่า หากมีการบริหารจัดการที่เหมาะสม ทุกคนร่วมกันพัฒนา โอกาสที่จะทำให้ศธ. มีความมั่นคงด้านงบมีอยู่มาก ตนต้องการใช้งบทุกบาทอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นขอให้ทราบปัญหาและตั้งใจจะแก้ทุกเรื่องอย่างยั่งยืน
“การมากดดันไม่มีผล ผมเข้ามา มีหน้าที่รับผิดชอบแก้ปัญหาอยู่แล้ว ดังนั้นผมไม่ตัดสินใจอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อศธ. อยากให้มั่นใจ ซึ่งกันและกัน ทุกอย่างพยายามทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ให้เวลาผมแก้ปัญหานิดหนึ่ง บางอย่างผมแก้ไม่ได้ เพราะติดขัดเรื่องกฎระเบียบ กฎหมาย ” นายณัฏพลกล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนได้หารือกับนายอำนาจ ชัดเจนแล้ว ยืนยันว่า สิทธิอะไรที่เคยได้ จะพยายามทำให้เหมือนเดิม โดยจะหางบ มาดำเนินการเรื่องสิทธิประกันสังคมเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ไปก่อน ขณะเดียวกัน สพฐ. ก็ของบปี2563 เพื่อดำเนินการในส่วนนี้ไปแล้ว ทั้งนี้ในช่วงที่นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นรัฐมนตรีว่าการศธ. ได้เพิ่มอัตราธุรการภารโรงอีกกว่า 16,000 อัตรา จากเดิมมีอยู่ประมาณ 13,700 อัตรา รวมเป็นกว่า 30,000 อัตรา เพื่อให้มีธุรการภารโรงทุกโรงเรียน โดยต้องใช้งบเพิ่มกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งนายณัฏฐพล ได้สั่งการให้สพฐ. ตั้งงบในส่วนนี้ไว้แล้ว ดังนั้นไม่อยากให้กังวล
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ส่วนอนาคต จะต้องหารือกับกรมบัญชีกลาง ขอกลับไปใช้วิธีจ้างลูกจ้างชั่วคราว เฉพาะกับลูกจ้างเดิม ได้หรือไม่ แต่ตอนนี้จำเป็นต้องดำเนินการตามหนังสือคำสั่งของกรมบัญชีกลางไปก่อน ซึ่งการปรับวิธีการจ้างไม่ใช่เฉพาะสพฐ. เป็นปรับทุกกระทรวง ซึ่งแต่ละกระทรวงต้องหาวิธีแก้ไข โดยอยากให้ทุกคนช่วยกันทำงาน เชื่อว่า จะได้รับการดูแล แต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอน เพราะการเปลี่ยนการจ้างครั้งนี้ ผ่านความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) มาแล้ว ดังนั้นอยากให้ทุกคนใจเย็น อย่าคิดว่าใช้คนมากดดันรัฐมนตรีว่าการศธ. นั้นตนไม่เห็นด้วย อยากให้ใช้วิธีหารือกัน
