‘เลขาธิการกช.’ เซ็นหนังสือจี้ ‘กรุงเทพคริสเตียนฯ’ ทบทวน ตั้ง‘ผอ.ใหม่’

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นายอรรถพล ตรึกตรอง รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีแก้ปัญหาภายในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย  ว่า  กรณีนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ทำหน้าที่เป็นคนกลาง ในการตรวจสอบว่า การดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับและกฎหมายหรือไม่ ทั้ง พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน หรือเรื่องของตราสารจัดตั้งโรงเรียน เป็นต้น แต่ในเรื่องของข้อกล่าวหา กระบวนการสอบสวน และคำตัดสินลงโทษที่มี นายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ และนายวัชรพงศ์ อภิญญนุรังสี อดีตผู้จัดการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ ตนคงไม่ก้าวล่วง ซึ่งหากผู้ถูกตัดสินลงโทษคิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ก็ต้องไปว่ากันตามกฎหมาย เช่น การยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน เป็นต้น

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า นอกจากเรื่องของการยื่นถอดถอนนายศุภกิจ ที่ใช้มติสภาคริสตจักรในประเทศไทย ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตจัดตั้ง โดยผู้มีอำนาจต้องเป็นคณะกรรมการมูลนิธิสภาคริสตจักรในประเทศไทย  ขณะเดียวกันคณะกรรมการมูลนิธิฯ ยังมีการดำเนินการที่ขัดต่อตราสารจัดตั้งโรงเรียน คือ เรื่องของการแต่งตั้ง นายบรรจง ชมภูวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ คนใหม่ เนื่องจากระเบียบข้อบังคับของมูลนิธิฯและสภาคริสตจักรฯ กำหนดเรื่องของการเกษียณไว้ คือ อายุ 60 ปี แต่การต่ออายุมีเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1.ต่ออายุได้ไม่เกิน 65 ปี นับถึงสิ้นปีงบประมาณ คือ วันที่ 30 เมษายน 2.ต่อวาระแบบปีต่อปี และ 3.ต้องปฏิบัติในตำแหน่งเดิมเท่านั้น แต่การแต่งตั้งนายบรรจง ปรากฏว่าเขียน ในใบสมัครชัดว่า อายุเกิน 65 ปีแล้ว มีการต่อวาระมาตั้งแต่ตอนอู่ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียน  และไม่ได้เป็นการต่อในตำแหน่งเดิม จึงจะทำหนังสือให้ทบทวนการแต่งตั้ง ผู้อำนวยการโรงเรียนใหม่ เพราะผิดระเบียบ

“ขณะนี้ผมได้ลงนามหนังสือทันทีขอให้มีการทบทวนคำสั่งแต่ตังนายบรรจงไปยังโรงเรียน ซึ่งเมื่อหนังสือส่งไปถึงทางนายบรรจงก็ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนการแต่งตั้งผู้อำนวยการโรงเรียน คนใหม่หรือไม่นั้น  ทางโรงเรียนต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน  ส่วนการตรวจสอบที่มาของคณะกรรมการบริหารโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ นั้นได้มอบให้นิติกรเร่งรวบรวมเอกสารข้อมูลต่างๆ ซึ่งทางฝ่ายศิษย์เก่าและผู้ปกครองก็มีคำถามมา 9-10 คำถาม ก็พยายามเร่งหาข้อมูลเพื่อเคลียร์ในเรื่องเหล่านี้ โดยทุกอย่างจะว่าเป็นไปตามกฎหมาย ตามระเบียบ และตราสารจัดตั้งโรงเรียน ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบค้น โดยยืนยันว่าไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ฝ่ายใด แต่จะพิจารณาทั้งสองฝ่ายอย่างรอบคอบ คาดว่าหลังวันที่ 10 พฤศจิกายน อาจจะมีการประสานนัดทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องจริงๆ คือ นายศุภกิจ และผู้รับใบอนุญาตฯมาหารือ เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยพบผู้ได้รับผลกระทบเลย”นายอรรถพล กล่าว

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image