นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า โครงการอบรมพัฒนาครูในปี 2563 ต้องเป็นไปตามนโยบายนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ซึ่งต้องการให้ครูมีเวลาอยู่ในห้องเรียนให้มากที่สุด เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กให้สูงขึ้น ส่วนการอบรมครูผ่านโครงการพัฒนาครูรูปแบบครบวงจร หรือคูปองพัฒนาครู จะดำเนินการต่อหรือไม่นั้น ต้องดูงบประมาณที่มี เพราะงบส่วนหนึ่งต้องนำไปใช้ในการจ้างเจ้าหน้าที่ธุรการ และนักการภารโรง รวมเป็นเงินกว่า 3,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงต้องดูความเหมาะสม และดูงบที่มีว่าเพียงพอหรือไม่ อย่างไร ที่สำคัญต้องเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ที่ต้องการให้ครูอยู่ในห้องเรียนให้มากที่สุด
“ผมเชื่อว่าการพัฒนาครูทุกรูปแบบล้วนมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ที่ผ่านมาโครงการครูปองพัฒนาครูก็มีข้อดี แต่อาจต้องเลือกเฉพาะหลักสูตรการอบรมที่ตอบโจทย์มากที่สุด เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีหลักสูตรมากถึง 3,000 กว่าหลักสูตร ดังนั้น อาจไม่จำเป็นต้องเลือกนำมาใช้ทั้งหมด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และโรงเรียนอาจเลือกนำมาใช้อบรมเฉพาะหลักสูตรที่เป็นความต้องการของครูอย่างแท้จริง ส่วนจะให้งบอบรมครูรายละ 10,000 บาทต่อปี เช่นเดิมหรือไม่นั้น คงไม่ได้เท่าเดิม เพราะการใช้งบมีข้อจำกัด โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีครูในระบบประมาณ 500,000 คน หากให้ค่าอบรมหัวละ 10,000 บาทเท่าเดิม ต้องใช้งบมากถึง 5,000 ล้านบาทต่อปี ถือว่าเป็นเงินไม่น้อย ส่วนงบพัฒนาครูปีนี้จะเป็นเท่าไรนั้น ผมบอกได้ไม่ แต่ขอย้ำว่าการพัฒนาครูจากนี้ ต้องเป็นไปตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ที่ให้ครูอยู่ในห้องเรียน มีเวลาสอนเด็กอย่างเต็มที่ และใช้งบอย่างคุ้มค่ามากที่สุด” นายอำนาจ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการยกเลิกโครงการคูปองพัฒนาครูเลยหรือไม่ นายอำนาจ กล่าวว่า ไม่อยากบอกเช่นนั้น แต่การใช้งบปีนี้ค่อนข้างมีข้อจำกัด ดังนั้น จึงต้องบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยืนยันว่า สพฐ.ยังจัดพัฒนาครูต่อเนื่อง แต่อาจไม่ได้ครบทุกคน โดยจะเน้นเฉพาะที่จำเป็น เพื่อเติมเต็มศักยภาพ ที่สำคัญต้องส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนอย่างแท้จริง ส่วนการอบรมครูที่มีผลต่อการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะนั้น ต้องดูตามความเหมาะสม การอบรมครูจากนี้ต้องเน้นเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้สอน เพิ่มคุณภาพผู้เรียน ไม่ได้เน้นเพิ่มเงินวิทยฐานะ
