เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า จากที่ สกศ.ได้จัดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. … ฉบับใหม่ 2 ครั้ง คือ ที่กรุงเทพฯ ช่วงเดือนกันยายน และ จ.อุดรธานี เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น สกศ.จะรวบรวม และบันทึกข้อคิดเห็นเสนอนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สัปดาห์หน้า โดยประเด็นที่มีผู้แสดงความคิดเห็นกันมากคือ กว่า 90% ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนชื่อเรียก “ผู้อำนวยการสถานศึกษา” เป็น “ครูใหญ่” และการเปลี่ยน “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” เป็น “ใบรับรองความเป็นครู” และยังมีผู้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่าควรทำให้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ได้มาแล้วไม่ได้ใช้ หรือมีไว้ให้ต่ออายุเมื่อหมดอายุเท่านั้น
“ผู้เข้าร่วมประชุมบางส่วนกังวลเรื่องการปรับโครงสร้าง ศธ.ที่ต้องการให้โครงสร้างเป็นเอกภาพนั้น จะทำให้โครงสร้าง ศธ.เป็นอำนาจเชิงเดี่ยว โดยยึดปลัด ศธ.คนเดียว ถือเป็นการรวบอำนาจสู่ส่วนกลางหรือไม่ รวมถึง มาตรา 40 ที่ระบุว่า คุรุสภานอกเหนือจากการจะดูแลเรื่องการประกอบวิชาชีพแล้ว ต้องดูแลเรื่องสวัสดิการครูด้วยนั้น มีผู้กังวลว่าจะเป็นการยุบสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ไปรวมกับคุรุสภาหรือไม่ โดยในมาตรานี้ มีผู้เสนอให้ระบุชัดเจนไปเลย เช่น ให้ สกสค.ทำหน้าที่ดูแลเรื่องสวัสดิการ เป็นต้น และบางเรื่องก็เป็นความเข้าใจผิด เช่น การตั้งสำนักงานนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งทำให้ซ้ำซ้อนกับ สกศ.แต่ความจริงแล้วเป็นการปรับสถานะ สกศ.เป็นสำนักงานนโยบายการศึกษาแห่งชาติ เรื่องต่างๆ เหล่านี้ จะบันทึกทำความเข้าใจให้ชัดเจนด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฏีกา ซึ่ง ศธ.ต้องไปเสนอผลการจัดเวทีสาธารณะ และชี้แจงร่างกฎหมายต่อไป” นายสุภัทร กล่าว
