กลั้นน้ำตาไม่อยู่!! คริสตชนทั้งไทย-ต่างชาติ 7 หมื่นคน รับเสด็จโป๊บฟรานซิสล้นสนามเทพหัสดิน-ศุภชลาศัย (คลิป)

เมื่อเวลา 17.40 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้เสด็จจากพระที่นั่งอัมพรสถาน มายังสนามสนามกีฬาแห่งชาติ เมื่อเสด็จถึง ทรงเปลี่ยนรถพระที่นั่ง และเสด็จทักทายผู้เข้าร่วมพิธีตั้งแต่บริเวณสนามฟุตบอลเทพหัสดิน ไปจนถึงในสนามศุภชลาศัย ตลอด 2 ข้างทาง คริสต์ศาสนิกชนต่างส่งเสียง Viva IL Papa เพื่อสรรเสริญสมเด็จพระสันตะปาปาดังกึกก้อง พร้อมโบกธงชาติไทย และธงวาติกัน โดยสมเด็จพระสันตะปาปาทรงโบกพระหัตแย้มพระสรวล และทรงเอื้อมพระหัตไปสัมผัสมือผู้ที่มาเฝ้ารับเสด็จ ทำให้คริสต์ศาสนิกชนบางคนถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความปลื้มปีติเอาไว้ไม่อยู่ เพราะถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด โดยมีคริสต์ศาสนิกชนเข้าร่วมเฝ้ารับเสด็จประมาณ 70,000 คน ประกอบด้วย ชาวไทย และชาวต่างประเทศ ส่วนใหญเดินทางมาเป็นหมู่คณะตามสังกัด สังฆมณฑล โดยแต่งกายด้วยเสื้อที่ระลึกในโอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ รวมถึง การแต่งด้วยชุดไทย และชุดประจำชนเผ่าอย่างสวยงาม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นไทย และความหลากหลายของไทย โดยเฉพาะคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกชนเผ่า ที่มาจากเผ่าอาข่า และปากะญอ ต่างแต่งชุดชนเผ่ามาเข้าร่วมพิธี ภายในงานมีการแจกหนังสือเส้นทางแห่งรัก “โป๊ปฟรังซิส” และธงวาติกัน เป็นที่ระลึก

จากนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาเสด็จเข้าที่รับรองเพื่อเปลี่ยนชุด เตรียมเริ่มพิธีมิสซาในเวลา 18.10 น.ให้ศีล คริสต์ศาสนิกชนสวดภาวนาหลังรับศีล จากนั้น เวลา 18.36 น.สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเทศน์เป็นภาษาสเปน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยบทเทศน์ตอนหนึ่งมีใจความว่า ผ่านไปแล้ว 350 ปี นับตั้งแต่ได้ก่อตั้งมิสซังสยาม (ค.ศ.1669-2019) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งอ้อมกอดฉันพี่น้องที่ได้รับการสถาปนาขึ้นในแผ่นดินแห่งนี้ ธรรมทูตเพียง 2 ท่าน ได้หว่านเมล็ดพันธ์ ซึ่งได้เติบโตขึ้นมา และผลิดอกออกผล เป็นการริเริ่มงานอภิบาลที่หลากหลาย และได้เอื้อประโยชน์ต่อทุกชีวิตในประเทศ ในโอกาสครบรอบการเฉลิมฉลองนี้ ไม่ใช่เป็นการฉลองด้วยความโหยหาอดีต แต่ต้องเป็นเหมือนกับเปลวไฟที่น่าความหวัง เพื่อให้เราสามารถตอบสนองคำเชิญชวนของพระเจ้าด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ เหมือนกับบรรดาธรรมทูตรุ่นแรกนั้น นี่เป็นความทรงจำที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมยินดี และการระลึกถึงคุณงาม ความดี ซึ่งจะช่วยเราให้สามารถออกจากตัวเองเพื่อแบ่งปันชีวิตใหม่

สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเทศน์ต่อว่า พระองค์ได้เคยสัมผัสบุคคลเหล่านั้น ที่ถูกตีตราว่าพวกมีมลทิน พ่อคิดถึงเป็นพิเศษ คือบรรดาเด็กชาย หญิง และสตรีที่ตกเป็นเหยื่อของการค้าประเวณี และการค้ามนุษย์ ซึ่งทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขาถูกทำลายไป พ่อคิดถึงเยาวชนที่ตกเป็นทาสของยาเสพติด และดำเนินชีวิตอย่างไร้ความหมาย โดยการหยุดที่จะใฝ่ฝัน หรือการเผาทำลายความฝันของตัวเอง พ่อคิดถึงบรรดาผู้อพยพที่ไร้บ้านเรือนที่จะพักพิง และจำต้องจากครอบครัวไป พ่อคิดถึงผู้คนอีกจำนวนมากที่อาจจะรู้สึกว่าตนเองถูกลืม เหมือนเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้ง

Advertisement

“พี่น้องของเราจำนวนมากมาย ที่ดำเนินชีวิตโดยปราศจากแสงสว่าง พลัง และความบรรเทาใจจากพระเยซูคริสตเจ้า ปราศจากชุมชนแห่งความเชื่อที่ต้อนรับเขา ปราศจากขอบฟ้าแห่งความหมายของพ่อ คิดถึงบรรดาชาวประมงที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ พ่อคิดถึงบรรดาคนขอทาน คนที่ไร้ที่พึ่งพิง และถูกเพิกเฉย พวกเขาเหล่านี้เป็นสมาชิกในครอบครัวของเรา อย่าปิดกั้นชุมชนของเราจากใบหน้า บาดแผล รอยยิ้ม อย่าหยุดยั้งความรักความเมตตาของพระเจ้าในการที่จะเจิมบาดแผล และความเจ็บปวดของเขาศิษย์ธรรมทูต ต้องเข้าใจว่าการแพร่ธรรมไม่เกี่ยวกับการเพิ่มปริมาณ หรือการแสดงถึงอิทธิพล หรืออ่าน หากเป็นการเปิดประตูเพื่อการมีส่วนร่วมในอ้อมกอดที่เปี่ยมด้วยความรัก และความเมตตา และการเยียวยารักษาของพระบิดาซึ่งทำให้เราเป็นครอบครัวเดียวกัน” สมเด็จพนะสันตะปาปา ทรงเทศน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย กล่าวขอบคุณสมเด็จพระสันตะปาปา และถวายของที่ระลึกในนามศาสนจักรไทย ต่อมาสมเด็จพระสันตะปาปาถวายพรปิดพิธี และสังฆานุกรกล่าวปิดพิธี แสดงวัฒนธรรมไทย 4 ภาค “พิธีสนามนาฏศิลป์ งามหยาดหยดริน ถิ่นสยาม” จากโรงเรียนในเครือภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ต และรำถวายพระพร ก่อนเสด็จกลับที่ประทับ

ซิสเตอร์ลำดวน ศรีเจริญตระกูล เจ้าคณะคณะภคินีแพร่ธรรมแห่งพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล กล่าวว่า วันนี้ ชาวคาทอลิกปากะญอมาด้วยหัวใจที่คาดหวังที่จะได้รับพระพรสันติสุขกลับไป รวมถึง อยากจะเห็นสันติสุข ผู้คนรักกันเกิดขึ้นในแผ่นดินไทย

น.ส.สิตางศุ์ แผนสท้าน อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า เมื่อได้ทราบข่าวว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีกำหนดการจะเสด็จเยือนไทยนั้น ในฐานะคริสตชนชาวไทย รู้สึกตื่นเต้น และมีความยินดี อีกทั้ง ยังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้ร่วมในพิธีบูชามิสซาครั้งสำคัญนี้แล้ว สำหรับชาวคาทอลิกถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้รับพระพรจากเป็นเจ้าผ่านทางพระองค์ด้วย ซึ่งสำหรับคนคนหนึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะได้เฝ้ารับเสด็จองค์พระประมุขของศาสนาจักร เพราะพระองค์ทรงมีภารกิจมากมาย ยิ่งได้ทราบว่าพระองค์ทรงตั้งพระทัยมาอวยพระพรให้แก่เยาวชนเป็นพิเศษ ยิ่งปลื้มปีติเป็นล้นพ้น

“วันนี้เดินทางมากับแม่ และสมาชิกในครอบครัว โดยออกจากบ้านย่านสุขุมวิทตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อหลักเลี่ยงปัญหาการจารจร พอเข้ามานั่งภายในสนามกีฬาศุภชลาศัย ได้เห็นพี่น้องคริสตชนจากทั่วประเทศจำนวนมากพร้อมใจกันมานั่งรอร่วมพิธีตั้งแต่เช้า แม้ว่าแดด และอากาศจะร้อน ก็ไม่ท้อ ยิ่งทำให้ได้เห็นถึงพลังความรักความศรัทธาที่มีต่อพระเป็นเจ้าผ่านทางสมเด็จพระสันตะปาปา จึงตั้งใจขอพระพรเป็นพิเศษสำหรับครอบครัวของตัวเอง รวมถึง ให้ทุกๆ คนในประเทศ อยากให้ทุกคนมีความสุข” น.ส.สิตางศุ์ กล่าว

น.ส.กวิตา ภาลีขันธ์ นักศึกษาปีที่ 2 คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เข้าร่วมรับเสด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระประมุขของชาวคริสตชนทั่วโลก และได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวในพิธีบูชามิสซาในครั้งนี้ เพราะว่าไม่ได้มีโอกาสง่ายๆ ที่จะได้เข้าเฝ้าพระองค์อย่างใกล้ชิด

“สำหรับตัวเอง ในฐานะคริสตชนคาทอลิกคนหนึ่ง ได้เตรียมตัวในการเข้าร่วมมิสซา ไม่ว่าจะเป็นการรับศีลแก้บาป สวดภาวนา เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และการเตรียมจิตใจในการขอพระพรให้ตัวเอง ครอบครัว และประเทศ” น.ส.กวิตา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกิจกรรมิสซา เริ่มต้นขึ้นในเวลา 15.30 น.โดยเริ่มจากกิจกรรมเตรียมใจ ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรมต่างๆ อาทิ การแปรอักษรจากโรงเรียนอัญสัมชัญ การเดินพาเหรด และการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระเจ้า การแสดงคอนเสิร์ต “ให้รักเป็นสะพาน และปิดท้ายด้วยแสดงสีเสียงเล่าถึงงานแพร่ธรรมมิสซังสยาม 350 ปี และพระประวัติสมเด็จพระสันตปาปา ก่อนที่ผู้เข้าร่วมพิธีจะร่วมกันสวดมนต์เป็นเวลา 1 ชั่วโมง

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image