สพฐ.เล็งปรับจุดอ่อนการอ่านหลังPISA ลด นักวิชาการสลด 20 ปีไม่กระเตื้อง

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม นายอำนาจ  วิชานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่ ผลการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ หรือ PISA 2018 พบว่า ผลการประเมินด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของไทยไม่เปลี่ยนแปลง แต่ผลการประเมินด้านการอ่านมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ว่า ผลการประเมินที่ออกมาเป็นภาพรวมของทุกประเทศ ที่เข้าร่วม  ซึ่งสาเหตุอาจเป็นเรื่องแบบทดสอบ วิธีประเมิน ซึ่งปีนี้เน้นเรื่องการอ่าน ดังนั้นข้อสอบที่ใช้จะเน้นการคิดวิเคราะห์ ซึ่งค่อนข้างยากกว่าปกติ ผลที่ออกมาจึงไม่ถือว่า ผิดความคาดหมาย อย่างไรก็ตามในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พยายามส่งเสริมการอ่านมาโดยตลอด แต่ต่อไปจะเน้นการอ่านเพื่อการคิดวิเคราะห์มากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนการสอนในอนาคต

“สำหรับแนวทางการพัฒนา นอกจากจะเน้น เติมเต็มด้วยแนวทางต่าง ๆ  อย่างเช่น การเรียนโค้ดดิ้ง  สะเต็มศึกษา เรียนรู้ผ่านกิจกรรมหรือโครงงานที่มุ่งแก้ปัญหาที่พบเห็นในชีวิตจริง  ให้เด็กได้ฝึกทำข้อสอบอัตนัยมากขึ้น ส่งเสริมการเขียนเรียงความ ย่อความ  เพื่อให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ ในส่วนของการเขียนเรียงความ ย่อความ โรงเรียนนั้น โรงเรียนดำเนินการมาโดยตลอด ไม่ได้ลดน้อยลง เพียงแต่ต่อไปจะเน้นให้มากขึ้น โดยจุดเน้นนั้นจะขึ้นอยู่กับช่วงวัย  ซึ่งครูสามารถปรับประยุกต์เทคนิคการสอนได้ตามความเหมาะสม” นายอำนาจกล่าว

นายอำนาจ กล่าวต่อว่า ส่วนวิชาคณิตศาสตร์ ที่นักเรียนไทยซึ่งเพิ่มขึ้น  มีความสามารถตั้งแต่ระดับ 2 ขึ้นไป มีประมาณ 47% ขณะค่าเฉลี่ยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ โออีซีดี อยู่ที่ 76%  นั้น  ถือแนวทางส่งเสริมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังต้องเร่งพัฒนา เนื่องจากการเรียนการสอนของไทยยังมีปัญหาอีกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องความเหลื่อมล้ำ  ที่ต้องเร่งส่งเสริมให้โรงเรียนทั่วประเทศมีคุณภาพการศึกษาที่เท่าเทียม

นายสมพงษ์  จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ประเทศไทย เข้าร่วมทดสอบ PISA ตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่เมื่อดูสถิติคะแนนสอบตั้งแต่ครั้งแรกถึงปัจจุบันจะพบว่า กราฟไม่ขยับขึ้น แถมยังลดลงโดยตลอด สะท้อนให้เห็นว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และการศึกษาของไทยก็ย่ำอยู่กับที่ ซึ่งนายณัฏฐพล  ทีปสุวรรณ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รู้สึกภูมิใจที่คะแนนออกมาดี แต่ตนกลับเห็นตรงข้าม  เพราะไม่มีอะไรน่าภาคภูมิใจเลยที่คะแนนเราย้ำอยู่กับที่มาเกือบ 20 ปี ส่วนตัวคิดว่าน่าสลดใจมากกว่า และเราต้องประเมินศธ.ครั้งใหญ่ว่าทำอะไรอยู่ โดยเฉพาะทักษะการอ่าน ที่ลดลงถึง 16 คะแนน ยิ่งน่าห่วง เพราะการอ่านคือรากฐานสำคัญในการคิด วิเคราะห์ คะแนนการอ่านยิ่งตกต่ำ ยิ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพการศึกษาของประเทศที่ยิ่งอ่อนลง

Advertisement

นายสมพงษ์กล่าวต่อว่า ส่วนคะแนนคณิตศาสตร์ระหว่างโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย โรงเรียนสาธิต กับโรงเรียน สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่แตกต่างกัน ถึง 200 คะแนน ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ดังนั้นหากการศึกษาไม่พัฒนา นิ่งอยู่กับที่ ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำสูงมากขึ้น สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหา ควรเร่งปรับปรุงหลักสูตรโดยด่วน เน้นการคิดวิเคราะห์ และการลงมือปฏิบัติจริง อย่าตีความคะแนนเข้าข้างตัวเองโดยไม่ดูตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image