เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน นายรักสยาม นามานุภาพ นายกสมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยค กล่าวว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 บัญญัติว่า หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) สามารถใช้มาตรา 44 ป้องกัน ระงับหรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ดังนั้นสมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยค ขอเรียกร้องให้นายกฯ และหัวหน้าคสช.ใช้มาตรา 44 จัดตั้งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของพระสงฆ์เพื่อพิจารณาคดีของพระสงฆ์โดยเฉพาะเพื่อจะได้รับการยอมรับจากคณะสงฆ์ ไม่เกิดการโต้แย้ง เพราะวินัยทางคณะสงฆ์กับกฎหมายทางโลกต่างกัน
“พระไม่รู้หรอกว่าเงินบริจาคที่รับมา เป็นเงินที่ผู้บริจาคร่วมทุจริตด้วยหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้ตั้งศาลสงฆ์แผนกคดีอาญาของพระสงฆ์โดยเฉพาะเพราะพระสงฆ์มีหลักปฏิบัติและศีล 227 ข้อตามพุทธวินัยบัญญัติซึ่งแตกต่างจากฆราวาส ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีการติดสินคดีของพระเทพญาณมหามุนี(ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตามข้อหาฟอกเงินและรับของโจร ตัดสินผิดพลาดเหมือนสมัยหนึ่งที่เคยเกิดกับอดีตพระพิมลธรรม(อาจ อาสโภ) มาแล้ว ซึ่งครั้งนั้นรัฐบาลจอมพลสฤกษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกฯ จับอดีตพระพิมลธรรม สึกและนำตัวไปคุมขังในเรือนจำอยู่หลาปีแต่ต่อมาปรากฏว่าศาลทหารพิพากษาว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาและปล่อยตัว แต่ท่านถูกสึกไปแล้ว ความเป็นพระเรียกคืนไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดเช่นนั้นอีก” นายรักสยาม กล่าวและว่า ส่วนตัวเชื่อว่ายังมีสังฆาธิการทั่วประเทศอีกหลายรูปที่รับเงินบริจาคมา โดยไม่รู้ว่าผู้บริจาคร่วมหรือไม่ร่วมทุจริตด้วยหรือไม่ จึงควรต้องมีศาลสงฆ์โดยเฉพาะ ทั้งนี้ยังไม่ได้ปรึกษาทีมทนายความว่าถ้าข้อเสนอไม่ได้รับการตอบสนอง ทางสมาคมฯ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่คิดกันเบื้องต้นว่าอาจจะต้องกราบพระผู้ใหญ่ระดับมหาเถรสมาคมเพื่อขอให้พิจารณาใช้แนวคิดดังกล่าว
