เมื่อวันที่ 29 มกราคม นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการศธ. และเลขาธิการคุรุสภา เสนอให้ทบทวน หลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาใหม่ หลังเจ้าหน้าที่จับกุมนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพธิ์ชัย จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในคดีบุกปล้นทองคำในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บสาหัส 4 ราย ซึ่งนายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)ระบุว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการเลื่อนตำแหน่งตามลำดับขั้น คือจากครูเป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการสถานศึกษาเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษา ตามลำดับ เพราะงานบางอย่างต้องการประสบการณ์เฉพาะด้านที่เหมาะสมนั้นว่า คาดว่าในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กลางเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการนำเรื่องดังกล่าวมาหารือ เพื่อดูข้อดี ข้อเสีย เพื่อพิจารณาความเหมาะสมร่วมกัน รวมถึงดูนโยบายของรัฐมนตรีว่าการศธ.ด้วย หากนโยบายว่าอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามนั้น
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่า กรณีนายประสิทธิชัย ก่อเหตุปล้นทอง เป็นเรื่องส่วนบุคคล การจะเอาพฤติกรรมของคนคนเดียวมาตัดสินผู้อำนวยการโรงเรียนทั้งประเทศ และปรับเกณฑ์ใดๆ ก็ตามในภาพรวมอาจต้องดูให้รอบด้าน เพราะผู้อำนวยการโรงเรียนทุกคนไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งเกณฑ์การคัดเลือกผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ให้ครูชำนาญการสามารถสมัครคัดเลือกได้ด้วยนั้น เป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถได้เข้ามาทำงานเชิงบริหารได้เร็วขึ้น เป็นการเพิ่มประสบการณ์ทำงาน เพราะหากรอเลื่อนตามลำดับขั้นต้องใช้เวลา และเมื่อเป็นเช่นนั้นก็อาจทำให้ไม่ได้คนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถทันต่อสถานการณ์ปัจจุบันเข้ามาทำงาน
“หลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้อำนวยการโรงเรียนเดิม เป็นการเปิดโอกาสให้ครูชำนาญการ หรือครูรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถทันต่อสถานการณ์ปัจจุบันได้เข้ามาทำงานบริหาร พัฒนาการศึกษา ทำให้เขามีประสบการณ์ทำงานเร็วขึ้น หากรอให้ครูสอบขึ้นรองผู้อำนวยการโรงเรียนก่อนขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ก็ต้องใช้เวลา และยุคนี้ถ้าได้คนรุ่นใหม่ มาทำงานก็จะทำให้พัฒนาได้เร็วขึ้น แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องรอดูนโยบายรัฐมนตรีว่าการศธ. หากเป็นอย่างไร ก็ต้องว่าตามนั้น”ปลัดศธ.กล่าว
