ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
สืบเนื่องกรณีที่ “มติชน” ได้รับแจ้งจากผศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ อาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ามีการพบชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ พร้อมเศษถ่านไม้ซึ่งคาดว่าเป็นไม้จันทน์บริเวณชุดฐานพระปรางค์วัดระฆังโฆษิ ตาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ขณะคนงานกระเทาะพื้นผิวปูนด้านนอกเพื่อบูรณะตามโครงการบูรณะฏิสังขรณ์วัด ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม แต่กลับพบโพรงลึกเข้าไปด้านใน มีเศษกระดูก ไม้เผาไฟและกรวด แพทย์รายดังกล่าวได้ตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นอัฐิของผู้สร้างปรางค์องค์นี้ คือ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี พระเชษฐภคินี (พี่สาว) ในรัชกาลที่ 1 เพราะ หากไม่ใช่บุคคลสำคัญจริงๆ คงไม่ได้ถูกนำมาบรรจุไว้ในพระปรางค์องค์สำคัญของวัด จึงอยากให้ผู้รู้ร่วมกันตรวจสอบ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา
ต่อมา นายบุญเตือน ศรีวรพจน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร กล่าวว่า ถ้าเก็บในสถานที่แบบนี้ ไม่ใช่คนธรรมดา อีกทั้งเศษไม้เผาไฟที่พบซึ่งคาดว่าเป็นไม้จันทน์นั้น ใช้เฉพาะเผาศพเจ้านาย จึงเชื่อว่าอัฐิ หรืออังคารดังกล่าว เป็นของเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี พระเชษฐภคินี (พี่สาว) ในรัชกาลที่ 1 เนื่อง จาก วัดระฆังโฆษิตาราม อยู่ในพื้นที่ส่วนของ “วังหลัง” ซึ่งผู้ครองวังหลังผู้อุปถัมภ์วัดดังกล่าวมาโดยตลอดคือ กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือ ท่านทองอิน โอรสของกรมพระยาเทพสุดาวดี
นอกจากนี้ นายบุญเตือนยังสันนิษฐานว่า เดิมน่าจะมีภาชนะบรรจุ อาจเป็นหีบ กล่อง หรือลุ้ง (ภาชนะใส่อัฐิเพื่อนำไปลอยน้ำ) คงไม่ใช่การนำกระดูกมากองไว้ในโพรงเฉยๆ จึงตั้งคำถาม หากเป็นไปตามที่สันนิษฐานจริง ภาชนะดังกล่าวหายไปไหน ? จึงทำให้เกิดกระแสการตั้งคำถามจากสังคมในโลกโซเชียลว่ามีการขโมยหีบ และโบราณวัตถุแล้วทิ้งไว้เพียงกระดูกหรือไม่
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายถาวร สาลีโท อายุ 33 ปี คนงานบริษัทศิวกรการช่าง กล่าวว่า ตนเป็นคนพบโพรงดังกล่าวเองในขณะพยายามลอกปูนเก่าออกจากบริเวณพระปรางค์ และยืนยันว่าในโพรงดังกล่าวไม่มีหีบบรรจุ โกศ ภาชนะ หรือสิ่งของอื่นใดอย่างแน่นอน พบเพียงกระดูก เศษไม้เผาไฟและก้อนกรวดที่ปะปนอยู่เท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามคนงานอีกหลายราย ให้ข้อมูลตรงกันว่าไม่มีการพบวัตถุอื่น
ด้านนางสาวกัลยา ศรีศรชัย หัวหน้าคนงานบริษัทศิวกรการช่าง กล่าวว่า คนงานได้พบกระดูกขณะกะเทาะพื้นผิวปูนที่ฉาบไว้เดิมซึ่งมีความผุกร่อน เพื่อเตรียมบูรณะตามขั้นตอน เมื่อใช้อุปกรณ์กะเทาะลงไปในจุดดังกล่าว กลับทะลุเข้าไปในโพรงซึ่งมีเศษกระดูกปนกับก้อนกรวด และไม้ที่ถูกเผาไฟเป็นชิ้นเล็กๆ จึงช่วยกันโกยใส่กระสอบ และแจ้งทางวัดรับทราบ โดยโครงการบูรณะพระปรางค์ดังกล่าว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้