‘รัฐพงศ์’ จี้ อว.ทางออก แก้ปัญหาอายุอธิการบดี แนะให้แก้ไข พ.ร.บ.มหาวิทยาลัย
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายรัฐพงศ์ บุญญานุวัตร อดีตคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา(มรภ.สส.) เปิดเผยกรณีที่มหาวิทยาลัยของรัฐ เกิดความกังวล ปั่นป่วน และวุ่นวาย ในเรื่องความไม่ชัดเจนของการดำรงตำแหน่งอธิการบดีที่อายุเกิน 60 ปี เนื่องจาก พ.ร.บ.จัดตั้งมหาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยต่างๆ ไม่ได้ระบุอายุอธิการบดีที่ชัดเจน รวมทั้งมีผู้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองหลายแห่ง โดยเฉพาะกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ซึ่งศาลปกครองได้ตัดสินไปคนละแนวทาง ไม่สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานได้ จึงขอให้รัฐบาลกำหนดอายุอธิการบดีให้ชัดเจนนั้น ว่า ตนเองในฐานะที่เคยเป็นข้าราชการในมรภ.เห็นว่าผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) จะต้องหาทางออกและแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนไม่ควรจะปล่อยให้วงจรการได้มาซึ่งอธิการบดีที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีความหรือส่งผลให้มีการฟ้องร้องเหมือนที่ผ่านมา
นายรัฐพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับทางออกที่น่าจะเป็นทางเลือกดีที่สุดได้แก่ การปรับแก้พ.ร.บ.มหาวิทยาลัย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของอธิการบดี รวมทั้งข้อบังคับสภามหาวิทยาลัยที่ว่าด้วยการได้มาซึ่งอธิการบดีที่จะต้องกำหนดเรื่องอายุของผู้ดำรงตำแหน่งให้ชัดเจน ว่าอธิการบดีควรจะมีการกำหนดอายุที่ 60 ปีหรือไม่ และก่อนแก้ไขพ.ร.บ.หรือข้อบังคับสภามหาวิทยาลัย จำเป็นที่จะต้องให้ผู้เกี่ยวข้องหรือผู้มีส่วนได้เสีย มาระดมความคิดเห็นหรือเปิดเวทีประชาพิจารณ์ เพื่อหาข้อยุติถึงจุดอ่อนจุดแข็งหรือข้อดีข้อด้อยให้ตกผลึก เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและชอบธรรม เพราะเท่าที่สังเกตพบว่าะประชาคมส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องการกำหนดเรื่องนี้
“ส่วนตัวผมคิดว่าอายุไม่ใช่ตัวชี้วัดที่สำคัญ แต่เรื่องของความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์และผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติในตำแหน่งผู้บริหาร หรือผลงานในเชิงประจักษ์ที่ผ่านมา จะเป็นส่วนหนึ่งสำหรับการขับเคลื่อนการพัฒนามหาวิทยาลัยให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของคนหนุ่มสาวที่มีความมุ่งมั่นในการเข้าสู่ตำแหน่งอธิการบดี หากมีคุณสมบัติครบถ้วน มีวิสัยทัศน์และแผนกลยุทธ์ การบริหารจัดการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของประชาคมก็สามารถเข้าสู่ตำแหน่งได้เช่นกัน อีกประเด็นที่ส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องในการสรรหาอธิการบดีมรภ. น่าจะมาจากผู้บริหารคนเดิมซึ่งกำลังจะหมดวาระตามที่พ.ร.บ.กำหนด ยังติดยึดกับอำนาจและผลประโยชน์จึงเตรียมการสร้างทายาทเพื่อสืบทอดจากตนเองก็มี”นายรัฐพงศ์ กล่าว
