เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยกรณีที่ผู้อำนวยการโรงเรียนใน จ.ศรีษะเกษ ระบุว่ากำลังประสบปัญหา เนื่องจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ศรีสะเกษ ยังไม่พิจารณาคำร้องขอย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ทำให้บางโรงเรียนขาดผู้บริหาร เกิดความกังวลว่าจะกระทบกับการบริหารจัดการงบประมาณ โดยเฉพาะในช่วงการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ว่า การโยกย้ายผู้บริหารสถานศึกษาเป็นอำนาจของ กศจ.ส่วน สพฐ.ทำหน้าที่บริหารจัดการในภาพรวม หากมีปัญหา ต้นสังกัด กศจ.คือสำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ต้องเข้าไปดูรายละเอียด และแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
นายอำนาจกล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้ากรณีให้สำนักมัธยมศึกษาตอนปลาย และกลุ่มพัฒนาระบบบริหารของ สพฐ.ไปศึกษาแนวทางการเพิ่มสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เป็น 77 เขตนั้น อยู่ระหว่างดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล โดยดูจากจำนวนครู นักเรียน ระยะทางการคมนาคม เช่น จังหวัดใดมีพื้นที่ห่างไกลกันมาก ให้จัดตั้ง สพม.จังหวัดละ 1 แห่ง ส่วนจังหวัดใดที่ไม่ไกลกันมาก ให้รวม 2 จังหวัด ดังนั้น จึงไม่ใช่การเพิ่ม สพม.ทุกจังหวัด แต่ให้ดูตามความเหมาะสม โดยเฉพาะความคุ้มค่าทางงบประมาณ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
“ที่ผมตอบว่าเห็นด้วย เพราะมองในมุมของโครงสร้างใหม่ที่กำลังจะออกมา หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ควรต้องมี สพม.จังหวัดละ 1 แห่ง เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แต่หากให้มองในมุมนักวิชาการ ส่วนตัวมองว่าควรรื้อโครงสร้าง กศจ.และ สพท.ทั้งหมด ไม่ให้การทำงานซ้ำซ้อน ในช่วงแรกที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.เข้ามาทำงาน ก็คิดว่าจะเดินหน้ารื้อ แต่เมื่อมีข่าวว่าจะย้ายบุคลากรจากเขตพื้นที่ฯ ไปรวมกับศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ทำให้เกิดเสียงค้าน ทำให้กังวล ไม่กล้าเปลี่ยน ถอยหลังกลับมาที่เดิม อีกทั้ง การที่ให้ กศจ.ดูแลภาพรวมยุทธศาสตร์การศึกษา ก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะงานยุทธศาสตร์ไม่มีงบรองรับ ถึงคิดออกมาก็ไม่สามารถทำได้จริง” นายอดิศร กล่าว