จากกรณีกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) จัดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2559 โดยหนึ่งในกิจกรรมคือ โครงการตามหาบุคคลในภาพแห่งความทรงจำ จำนวน 5 ภาพ เพื่อให้มาเผยแพร่ความภาคภูมิใจขณะเข้าเฝ้าพระองค์ โดยขณะนี้ตามหาบุคคลในภาพพบแล้ว ประกอบด้วย 1.นางบุญจิต รุ่งรังสี อายุ 69 ปีอดีตมีอาชีพสานเสื่อกระจูด ปัจจุบันแม่บ้าน จ.นครศรีธรรมราช 2.นายวิรัก จำปา อายุ 57 ปี เจ้าหน้าที่เกษตร สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จ.เชียงใหม่ 3.นายไชยฤทธิ์ ศิริชัย อายุ 50 ปี อดีตเจ้าพนักงานสัตวบาล ปัจจุบันเจ้าพนักงานสัตวบาลอาวุโส หัวหน้าฝ่ายผลิตพืชอาหารสัตว์สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มงานศึกษาและพัฒนาปศุสัตว์และโคนม ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เชียงใหม่ 4.นายธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ อายุ 57 ปี อาจารย์คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ และ 5.น.ส.พิมพ์ทกานต์ เอื้อการย์กุล อายุ 28 ปี พนักงานบริการ งานสาธารณสุขต่างชาติ กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก
นายวิรัก จำปา อายุ 57 ปี อดีตและปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่เกษตร สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ บุคคลในภาพที่ 2 กล่าวว่า ตนเคยมีโอกาสเฝ้ารับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มาก่อนแต่ยังไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดอย่างครั้งนี้มาก่อน ในภาพเป็นเหตุการณ์ที่พระองค์เสด็จไปแปลงผลิตสตรอเบอรี่ของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง และทรงเก็บผลสตรอเบอรี่ด้วยพระองค์เอง ส่วนตนถือตะกร้าสตรอเบอรี่ตามเสด็จ พระองค์ทรงตรัสถามตนว่า “สตรอเบอรี่ที่ปลูกพันธุ์อะไร กี่เดือนจึงจะออกผลผลิต เป็นการปลูกทดลองหรือปลูกจริง” ตนจึงทูลว่า เป็นแปลงทดลองการผลิตพร้อมทำวิจัย และจะนำสายพันธุ์นี้ไปมอบให้เกษตรกรเพาะปลูกเพื่อสร้างรายได้
“ขณะถวายงานพระองค์ รู้สึกประทับใจที่พระองค์ทรงมีความเป็นกันเอง และรู้สึกดีใจที่ได้รับคัดเลือกเป็นบุคคลในภาพแห่งความทรงจำ”นายวิรัก กล่าว
ด้านน.ส.พิมพ์ทกานต์ เอื้อการย์กุล อายุ 28 ปี ปัจจุบันเป็นพนักงานบริการ งานสาธารณสุขต่างชาติ กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก บุคคลในภาพที่ 5 กล่าวว่า ตนทำงานสาธารณสุขมากว่า 10 ปี โดยใช้แนวทางในการทำงานตามพระราชดำริมาโดยตลอด และเป็นครั้งแรกที่มีโอกาศเฝ้ารับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีอย่างใกล้ชิด ซึ่งวันนั้น พอ.สว.ต้องมาตั้งแถวรับเสด็จตั้งแต่เวลา 15.00 น. ขณะนั้นพระองค์เสด็จมาเวลา 18.30 น. ตนนั่งพับเพียบนานจึงทำให้เป็นตะคริวหน้ามืดฟุบลง ไม่ได้สติ เพื่อนพอ.สว.เล่าให้ฟังว่า พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นตนเป็นลมจึงเข้ามาดู และจับที่ชีพจร และส่งตนเข้าโรงพยาบาลโดยให้องครักษ์ตามมาดูอาการด้วย เมื่อตนหายดีแล้วได้มีโอกาสส่งเสด็จ พระองค์ได้ตรัสถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง หายดีหรือยัง ซึ่งตนก็ทูลว่าหายดีแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกปีติจนน้ำตาไหลที่พระองค์จำเราได้และทรงห่วงใยเรา
“หลังจากทราบว่าได้รับคัดเลือกให้เป็นบุคคลในภาพแห่งความทรงจำ และจะเข้ารับภาพดังกล่าวพร้อมเล่าความประทับใจที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในเร็วๆ นี้ รู้สึกดีใจ ภูมิใจ และเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูลอย่างยิ่ง”น.ส.พิมพ์ทกานต์ กล่าว
