เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา (สคบส.) จังหวัดนครปฐม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวบรรยายพิเศษให้ผู้เข้าอบรมตามโครงการพัฒนานักบริหารระดับสูง (นบส.) ศธ.รุ่นที่ 10 ตอนหนึ่งว่า การขับเคลื่อนการทำงานส่วนใหญ่มาจากข้าราชการประจำ ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการการเมืองก็ต้องฟังข้าราชการประจำ ดังนั้นหากมีความเข้าใจตรงกันในเรื่องนโยบายที่ถูกต้องจะทำให้การจับเคลื่อนศธ.ผ่านไปได้ ที่ผ่านมาเคยได้ยินว่า ข้าราชการกลัวการเมือง ตนอยากให้ข้าราชการเข้มแข็ง ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง เชื่อว่านักการเมืองทุกคน มีจิตสำนึกที่เข้าใจ จะทำให้ยืนอยู่ได้ สุดท้ายความดีจะชนะ แต่หากเสนออะไรที่ไม่ถูกต้องก็ต้องรับผิดชอบ
“การเมืองเองก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน อยู่ในช่วงพยายามปรับกันเอง ให้เป็นไปตามแนวทางที่ควรจะเป็น หากมีความเข้าใจ ก็จะทำให้นโยบายของประเทศขับเคลื่อนไปได้ สาเหตุที่ผมต้องเข้มข้นในการพัฒนา และมีหลักสูตรต่างๆ ทำให้การเข้าสู่ตำแหน่งของแต่ละคนยากขึ้น หรือเป็นแล้วลำบากขึ้น ผมขอบอกว่า ตรงนี้มีความจำเป็น เพราะจะปล่อยให้การบริหารที่บกพร่องเกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อเร็วๆ นี้ผมเพิ่งเซ็นเอกสารยอมรับโรงเรียนสังกัดศธ. ค้างค่าไฟ ค่าน้ำหลายสิบล้าน ทำไมผู้บริหารโรงเรียนบริหารจัดการไม่ได้ เป็นเรื่องเล็กๆ ที่โชว์ศักยภาพในการบริหาร ที่ผ่านมาไม่เป็นไร แต่อนาคตต้องย้อมรับแนวทางการบริหารใหม่ “นายณัฏฐพล กล่าว
นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนอยากทำคือ เตรียมความพร้อมให้กับคนที่เข้าสู่ตำแหน่ง คนที่จะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนต้องมีความรู้พื้นฐานด้านการบริหารจัดการการเงินของโรงเรียน ศธ.ก็ต้องจัดหลักสูตร เพื่อให้เขาเรียนรู้ มีทักษะด้านภาษาอังกฤษ เพราะอนาคตจะอย่างไรก็ต้องบดจำนวนโรงเรียนลง เป็นไปไม่ได้ที่จะมีถึง 30,000 กว่าโรงเท่าปัจจุบัน ส่วนจะลดลงเท่าไรนั้น ยังบอกไม่ได้ สุดท้ายต้องรวมกันเพื่อคุณภาพในการเรียนการสอน ขณะเดียวกันคนเป็นผู้บริหารยังต้องกล้าตัดสินใจ ทั้งการประเมินบุคลากร ซึ่งต้องตัดสินใจได้ คุณสมบัติเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องรู้ก่อนเข้าสู่ตำแหน่ง หากทำไม่ได้ก็อาจไปสู่ตำแหน่งอื่น บางคนอาจเป็นครูที่เก่ง แต่เป็นผู้บริหารไม่เก่ง ให้โอกาสทุกคนเท่าเทียมกัน เพียงแต่ถ้าไม่ผ่านก็ถอยหลังกลับไปสู่เส้นทางที่ถนัด วันที่ขึ้นเป็นผู้บริหาร ทุกคนต้องกล้าตัดสินใจ ถ้าไม่กล้าตัดสินใจ ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ ได้ประชุมผู้บริหารศธ. เพื่อทบทวนการใช้งบปี2563และ2564 ซึ่งอีก5-6 เดือนข้างหน้าไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น จากสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรน่า หรือโควิด-19 หลายกระทรวงก็ต้องมาทบทวน อย่างศธ. มีงบเงินเดือนในส่วนของลูกจ้างชั่วคราว ที่มักจะได้รับเงินเดือนช้า ในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติอาจได้รับความเดือดร้อน หยิบยืมใครได้ลำบาก ดังนั้นจึงย้ำไปว่า งบ2563 รายการแรกๆ ที่ต้องมาดูคือ เรื่องเงินเดือนบุคลากร ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีงบลงทุน 5 พันล้านบาท อาจจะต้องกันส่วนหนึ่ง เพื่อให้บุคลากรได้รับเงินเดือนตรงเวลา ไม่ให้เกิดความเดือดร้อน ในการใช้ชีวิต
“จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนหลายแห่ง ยอมรับว่าโรงเรียนขนาดเล็กหลายแห่ง ไม่มีคุณภาพจริงๆ มีเด็กเรียนเพียงไม่กี่คน แม้จะมีการศึกษาทางไกล แต่ดูแล้วเด็กไม่มีความสุข ขณะเดียวกันห่างไปไม่ถึง 15 นาที มีโรงเรียนที่มีคุณภาพสามารถควบรวมได้ และผมเชื่อว่า เด็กจะมีความสุขในการเรียนมากขึ้น ในช่วงแรกที่เข้ามารับตำแหน่ง ก็มีคนเตือนว่าอย่าทำเรื่องนี้ เพราะเป็นเผือกร้อน จะมีปัญหากับคนทั้งประเทศ แต่เมื่อลงพื้นที่แล้ว ผมตัดสินใจว่าต้องทำ ไม่ทำไม่ได้ เพราะผมมองไม่เห็นอนาคตของเด็ก ขณะเดียวกันภายในเดือนพฤษภาคม 95% ของโรงเรียนทั้งหมดจะต้องมีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงใช้ ซึ่งอาจจะบอกว่า มีนโยบายอยู่แล้ว ผมรู้ แต่ที่ผ่านมา ไม่เร็วจริง ผมหวังให้ศธ. เป็นกระทรวงแห่งความเป็นเลิศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้บริหารทุกคนต้องช่วยกันทำ อย่าไปกังวลเรื่องโครงสร้าขอให้มั่นใจในการขับเคลื่อนงานของตน ซึ่งตั้งใจจะช่วยลดภาระความซ้ำซ้อน ให้ทุกคนที่ได้รับผลกระทบเห็นช่องทางการทำงานของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ผมไม่รู้ว่าการปรับคณะรัฐมนตรี( ครม.) จะเป็นอย่างไร แต่ถ้าให้ผมไปอยู่กระทรวงอื่น ผมขอไม่ไป ขออยู่ศธ.เพราะคิดว่า 7 เดือนที่ผ่านมา เรากำลังทำงานปรับจูนกันได้ด้วยดี ดังนั้นหากไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนก็ไม่ต้องกังวลอะไร”นายณัฏฐพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพัฒนานบส.ศธ. ดำเนินการไปแล้ว จำนวน 9 รุ่น จำนวน 644 คน สำหรับรุ่นที่ 10 มีผู้เข้ารับการพัฒนา จำนวน 87 คน เป็นข้าราชการ สังกัดศธ. จำนวน 79 คน และกระทรวงอื่น จำนวน 8 คน
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
