ก.ค.ศ.ไฟเขียว 5 พัน ‘บิ๊กร.ร.’ ยื่นทบทวนวิทยฐานะได้ ดีเดย์เกณฑ์ใหม่คลอดพ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม  นายอัมพร พินะสา  เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)  เปิดเผยว่า ตามที่ นายณัฏฐพล  ทีปสุวรรณ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มอบหมายให้สำนักงานก.ค.ศ. ปรับปรุงร่าง หลักเกณฑ์การขอมีและเลื่อนวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใหม่ ซึ่งก.ค.ศ.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการศึกษาวิจัยปัญหาและเสนอแนวทางการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะใหม่  อีกชุดคือ คณะอนุกรรมการ จัดทำวิทยฐานะใหม่ โดยใช้กรอบแนวคิดของรัฐมนตรีว่าการศธ. คือ ไม่เน้นการเขียนผลงานวิชาการ เอกสาร  ดูจากการปฏิบัติจริง ทั้งนี้คณะอนุกรรมการศึกษาวิจัย ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญได้การประเมินบุคคลจากต่างประเทศมาให้ข้อคิดเห็น ซึ่งมีข้อสรุปตรงกันว่า การประเมินวิทยฐานะในอนาคต จะไม่เน้นการพิจารณาเอกสาร แต่จะเน้นผลการปฏิบัติงาน  โดยในส่วนของข้าราชการครูจะยึดตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะแนวใหม่ หรือ ว 21/2560 การประเมินผลงานที่เกิดจากการปฎิบัติหน้าที่ตำแหน่งครูเป็นฐานในการพัฒนา แต่จะปรับเรื่องการประเมิน ซึ่งเดิมประเมินกระบวนการ เป็นเอกสาร ไปดูผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากห้องเรียนเป็นสำคัญ

นายอัมพร  กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังตั้งทีม วางแนวทางการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการประเมิน ซึ่งจะใช้ได้สมบูรณ์เต็มรูปแบบกรณีที่ทุกโรงเรียนมีอินเตอร์เน็ต และระบบเทคโนโลยีบิ๊กดาต้าของศธ. เข้าถึงโรงเรียนทุกแห่งอย่างแท้จริง  เพื่อให้ครูสามารถบันทึกการสอนเก็บไว้ในคลาวด์ส่วนตัว และนำการสอนที่บันทึกไว้ ใช้ในการประเมินวิทยฐานะได้ แต่ในช่วงที่เทคโนโลยียังไม่สมบูรณ์ ก็ต้องใช้วิธีการประเมินผลงานเชิงประจักษ์ไปก่อน โดยผลงานเชิงประจักษ์ดังกล่าวไม่ได้หมายถึง รางวัล ผลงาน แต่ให้ผู้อำนวยการโรงเรียน ประเมินการปฏิบัติหน้าที่การสอนในตำแหน่งครู และผลที่เกิดกับผู้เรียน  ส่วนการประเมินผู้อำนวยการโรงเรียน ก็จะสอดคล้องกัน โดยจะดูที่ผลงานของครู คือ ผลสัมฤทธิ์ของเด็ก  ผลงานของครูก็เป็นตัวสะท้อนผู้อำนวยการโรงเรียน  ต่างกันตรงที่ผู้อำนวยการโรงเรียนจะต้องจัดทำข้อตกลง ในการพัฒนา เช่นเมื่อเข้ารับตำแหน่งแล้ว จะพัฒนาโรงเรียนไปในทิศทางใด และเด็กจะต้องมีผลสัมฤทธิ์เพิ่มขึ้นในระดับใด  โดยตั้งเป้าให้เกณฑ์ประเมินวิทยฐานะทั้งครู เกณฑ์ประเมินผู้อำนวยการโรงเรียนและเกณฑ์ประเมินศึกษานิเทศก์แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม   ขณะเดียวกัน ต้องคำนึงถึงสิทธิของคนที่มีสิทธิจะยื่นตามเกณฑ์เดิมที่ประกาศเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ด้วย

“ส่วนความคืบหน้ากรณีที่ผู้อำนวยการโรงเรียน ประมาณกว่า  5,000 คน  ร้องเรียนก.ค.ศ.  กรณี ถูกพิจารณาให้เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินวิทยฐานะเกณฑ์ ว13 เรื่องการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และวิทยาฐานะเชี่ยวชาญ  ซึ่งเปิดให้ยื่นตั้งแต่ปี 2559  และได้รับแจ้งผลการพิจารณาว่าเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติในปี 2561  ทำให้ครูและผู้บริหารสถานศึกษาเสียสิทธิกว่า 5 พันคนนั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ก.ค.ศ.ได้แจ้งหนังสือไปยังส่วนราชการ รวมถึงมีการจัดประชุมประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนซ์สร้างความเข้าใจ โดยให้ทุกคนที่ยื่นขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ ว13 เมื่อปี2559 แล้วและได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติ ให้มีสิทธิยื่นทบทวนได้ทุกคน  โดยผู้ที่เสียสิทธิสามารถส่งให้รายละเอียดให้พิจารณาภายใน 90 หลังได้รับหนังสือแจ้ง จากก.ค.ศ. ซึ่งก.ค.ศ. ส่งหนังสือแจ้งไปเมื่อวันที่ 25  กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา”นายอัมพร กล่าว

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image