นายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า กรณีสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เมื่อเร็วๆ นี้ เรื่องการจัดตั้งอาชีวะในระดับภูมิภาคนั้น เป็นเพียงข้อเสนอที่ สอศ.เสนอต่อที่ประชุมเท่านั้น ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะจะต้องศึกษารายละเอียดอื่นๆ มาประกอบกับการตั้งจัดอาชีวะในระดับภูมิภาคอย่างรอบคอบ เบื้องต้นการจัดตั้งอาชีวะในระดับภูมิภาค จะทำหน้าที่เหมือนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) โดยจะนำงานส่วนหนึ่งจาก สอศ.ซึ่งเป็นหน่วยงานส่วนกลาง มอบให้อาชีวะในระดับภูมิภาคไปดูแล เพราะในอนาคตการเรียนอาชีวะจะมีผู้เรียนมากขึ้น เนื่องจากมีปริมาณงานรองรับมากขึ้น หากจะให้ทุกอย่างรอการสั่งการจากส่วนกลาง อาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอ จึงมีแนวคิดว่าควรมีหน่วยงานในระดับภูมิภาคขึ้นมาช่วยเหลือดูแลด้วย ซึ่งต่อไป สอศ.จะจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอคณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้าง ศธ.พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
นายณรงค์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การเพิ่มหน่วยงานจะต้องเพิ่มในปริมาณที่เหมาะสมด้วย ส่วนจะเพิ่มบุคลากรหรือไม่ คงต้องใช้วิธีเกลี่ยบุคลากร เพราะการเพิ่มจำนวนอัตราข้าราชการ อาจจะเป็นประเด็นที่ต้องหารืออย่างละเอียด แต่เมื่อ ศธ.พิจารณาปรับโครงสร้างของกระทรวง ก็อาจจะพิจารณาเรื่องการเกลี่ยบุคลากร เพื่อไปเพิ่มในอาชีวะในระดับภูมิภาคไปพร้อมกันด้วย
“ขณะนี้ยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่าจะมีตำแหน่งอะไรอยู่ในอาชีวในระดับภูมิภาคบ้าง ซึ่ง สอศ.จะต้องไปคิดต่อว่าแต่ละตำแหน่งจะมีหน้าที่ และจะมีภารกิจอะไรบ้าง เพื่อให้การดูแลวิทยาลัยอาชีวศึกษาได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น” นายณรงค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักวิชาการให้ความคิดเห็นว่า การตั้งอาชีวะในระดับภูมิภาคต้องคิดให้ดี ควรมุ่งพัฒนา และให้อิสระกับสถานศึกษามากกว่า นายณรงค์ กล่าวว่า การให้อิสระกับสถานศึกษา กับการจัดตั้งอาชีวะในระดับภูมิภาค ถือเป็นคนละส่วนกัน แต่ทั้ง 2 ส่วนนี้จะมีเลขาธิการ กอศ.กำกับดูแล ทั้งนี้ สอศ.ได้ให้อิสระกับสถานศึกษา แต่การกำกับติดตามนั้นเป็นหน้าที่ของอาชีวะในระดับภูมิภาค เพราะเลขาธิการ กอศ.อาจดูแลงานได้ไม่สะดวก จึงมอบอำนาจในการกำกับติดตามให้อาชีวะในระดับภูมิภาคเข้ามาแบ่งเบางานเท่านั้น ซึ่งอำนาจ และอิสระของสถานศึกษา ไม่ได้หายไปไหน ยังมีอำนาจเท่าเดิม ดังนั้น ขออย่าวิตกกังวลเรื่องนี้
