ชำแหละ ‘คณะวารสารฯ มธ.’ ปมคำนวณ ‘ทีแคส รอบ 3’ พลาด กับ 4 ทางเลือก ‘เยียวยา’ ผู้สมัคร ??

ชำแหละ ‘คณะวารสารฯ มธ.’ ปมคำนวณ ‘ทีแคส รอบ 3’ พลาด กับ 4 ทางเลือก ‘เยียวยา’ ผู้สมัคร ??

คณะวารสารศาสตร์ มธ.- ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของมหาวิทยาลัยเก่าแก่อย่าง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กับกรณี คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ส่งคะแนนที่คำนวณผิดให้ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ประกาศผลการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา หรือทีแคส ปีการศึกษา 2563 รอบ 3 รับตรงร่วมกัน ใน หลักสูตรปริญญาตรีวารสารศาสตรบัณฑิต (ภาษาไทย)

พบว่ามีผู้สมัครผ่านการคัดเลือก 87 คน ซึ่งคำนวณคะแนนรวมผิด จากการดึงคะแนน PAT 7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ ที่ดึงเฉพาะคะแนนของผู้สมัคร PAT 7.7 ภาษาเกาหลี เพียงส่วนเดียว โดยไม่ได้นำคะแนนของผู้สมัครภาษาอื่นที่ใช้ PAT 7.1-7.4 มาคำนวณร่วมด้วย…

ส่งผลให้ผู้สมัครที่เสียสิทธิ ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม คณะวารสารศาสตร์ฯ มธ.จึงตัดสินใจแก้ปัญหาโดย “ยกประโยชน์ให้ผู้สมัคร” ด้วยการรับผู้สมัครที่คะแนนรวมสูงกว่าคะแนนต่ำสุดเข้ามาเพิ่ม แนวทางนี้ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิเข้าเรียนในคณะวารสารศาสตร์ฯ 257 คน โดยแจ้งให้นักเรียนทราบผ่านทางโทรศัพท์ และอีเมล

ปรากฏว่ามีผู้ยืนยันรับสิทธิเยียวยา 207 คน แต่บางรายได้ทยอยถอนสิทธิ จนสุดท้ายเหลือยอดขอรับสิทธิเยียวยา 197 คน ที่ มธ.แจ้งต่อ ทปอ.ในวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

Advertisement

ดังนั้น หากนำยอดที่รับสิทธิเยียวยา 197 คน รวมกับผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือก 87 คน และทีแคส รอบ 4 แอดมิสชั่นส์ ที่คณะรับเพิ่มอีก 120 คน จะมียอดรวม 404 คน เกินกว่าแผนการรับปีละ 220 คน

ส่งผลต่อ “คุณภาพ” การจัดการศึกษาอย่างแน่นอน !!

ทำให้อาจารย์คณะวารสารศาสตร์ฯ ออกแถลงการณ์คัดค้าน และกลายเป็น “แรงกดดัน” ให้ นางอัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์ คณบดีคณะวารสารศาสตร์ฯ ซึ่งตัดสินใจแก้ปัญหา และแสดงความรับผิดชอบ โดยยื่นหนังสือ “ลาออก” เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ส่งต่อปัญหาที่ยังค้างคา ให้มหาวิทยาลัยเข้ามาจัดการเคลียร์เอาเอง

โดย นายชาลี เจริญลาภนพรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มธ.ชี้แจงรายว่า กรณีนี้ มธ.เคยเสนอวิธีการเยียวยา โดยกลุ่ม 87 คนแรก ให้สิทธิเข้าเรียนตามปกติ ส่วนกลุ่มที่ต้องได้รับการเยียวยา ให้คำนวณคะแนนใหม่ โดยรวมคะแนนกับภาษาอื่นด้วย เท่ากับคะแนนต่ำสุดอยู่ 244.17 คะแนน ส่งผลให้มีผู้สมัครที่ต้องเยียวยาเพียง 8 คน

แต่คณบดีไม่รับแนวทางดังกล่าว ยืนยันจะใช้คะแนนต่ำสุดของกลุ่มที่คำนวณผิด คือ 156 คะแนน เป็นฐาน

เมื่อคณะยืนยันเช่นนั้น มหาวิทยาลัยจึงต้องดำเนินการตาม เพราะคิดว่าคณบดีได้หารือกับคณาจารย์ในคณะแล้ว แต่ปรากฏว่า ไม่ได้หารือ และอาจารย์ในคณะ ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว จึงออกแถลงการณ์คัดค้าน และเสนอตัวเลขเยียวยาได้ไม่เกิน 60 คน ทำให้นางอัจฉรา ตัดสินใจลาออก

หลังการพูดคุยกับอาจารย์คณะวารสารศาสตร์ฯ แล้ว มธ.ยืนยันว่าไม่สามารถตัดสิทธิกลุ่มผู้ขอรับการเยียวยาทั้ง 197 คน เนื่องจากประกาศเป็นทางการแล้ว หากมหาวิทยาลับกลับคำ จะว่าผิดทั้งกฎหมาย และละเมิดสิทธิเด็ก

เหมือนให้ความหวัง แล้วปล่อยเขาทิ้งกลางทาง

สอดคล้องกับ นายพีระพงศ์ ตริยเจริญ ผู้จัดการระบบทีแคส ของ ทปอ.ที่บอกชัดว่า เมื่อ มธ.คำนวณคะแนนผิดพลาด จึงต้องเยียวยาผู้สมัครที่ได้รับผลกระทบ ซึ่ง ทปอ.มีนโยบายคือ เมื่อประกาศผลแล้ว จะยกเลิกการประกาศผลไม่ได้ โดยเรียกผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือก แต่ไม่มีชื่อติดทีแคส รอบ 3 รับการเยียวยาได้ มธ.จึงได้ดำเนินการเยียวยา และส่งชื่อ 197 คน มาให้ ทปอ.ประกาศผลแล้ว ยืนยันว่าจะแก้ปัญหาวิธีใดก็ตาม เด็กต้องไม่เสียประโยชน์

ดังนั้น ผลการหารือเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จึงมีข้อสรุป 5 แนวทางในการแก้ปัญหา คือ
1.อนุญาตให้สละสิทธิรอบทีแคส รอบ 3 และสามารถสมัครรอบ 4 แอดมิสชั่นส์ได้ โดย มธ.จะเจรจากับ ทปอ.ให้ผ่อนปรน
2.อนุญาตให้โอนย้ายไปหลักสูตรอื่นของ มธ.ตามที่คะแนนเหมาะสม
3.อนุญาตให้เข้าโครงการรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีแบบไม่สังกัดหลักสูตร หรือ Thammasat Frontier School เพื่อจะได้ค้นหาตัวตนก่อนตัดสินใจเลือกคณะที่ชอบ หลักสูตรที่ใช่ ในภาคเรียนที่ 4 ซึ่งในปีการศึกษา 2563 มี 9 คณะ 11 หลักสูตรที่เข้าร่วมโครงการนี้
4.ให้โอนย้ายไปมหาวิทยาลัยอื่นที่สอบติดในลำดับอื่นของรอบ 3 ได้ โดย มธ.จะเจรจากับมหาวิทยาลัยให้
และ 5.กรณีไม่มีทางเลือก ให้เรียนคณะวารสารศาสตร์ฯ มธ.ตามเดิม

หลังได้ข้อสรุป รองอธิการฝ่ายวิชาการซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้ ได้ลงไปเจรจากับผู้ปกครอง และว่าที่นักศึกษา มธ.กลุ่ม 197 คน เพื่อสร้างความมั่นใจว่ามีที่เรียนแน่นอน ส่วนจะคณะใด มหาวิทยาลัยใด อยู่ที่เจ้าตัวจะเลือกลิขิตชีวิตตัวเอง…

ซึ่งขณะนี้ 5 ทางเลือก ได้ลดเหลือ 4 ทางเลือก เพราะทางเลือกที่ 1 สละสิทธิรอบ 3 หมดเวลาไปเมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 18 พฤษภาคม ส่วนทางเลือกที่ 2, 3 และ 5 เป็นการบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัย จึงให้เวลาตัดสินใจประมาณ 1 เดือน

สำหรับทางเลือกที่ 4 ที่ย้ายไปมหาวิทยาลัยอื่นที่สอบติดรอบ 3 อาจเหลือเวลาไม่มาก เพราะมหาวิทยาลัยต้องไปเจรจากับมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง…

แม้เรื่องนี้ดูจะวุ่นวายเป็นงูพันหาง แต่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ โดยหลายคณะใน มธ.ยินดีให้ความร่วมมือ ขณะที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็เริ่มแสดงความพร้อมเข้าช่วยเหลือ

รองอธิการบดี มธ.กล่าวด้วยว่า ความผิดพลาดครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ มหาวิทยาลัยซึ่งจ้างโปรแกรมเมอร์คำนวณคะแนน แต่คำนวณผิด และส่งไปให้คณะต่างๆ ตรวจสอบ ซึ่งคณะอื่นๆ ที่ใช้ PAT7 อย่างคณะศิลปะศาสตร์ คณะสหวิทยาการ พบความผิดปกติ และส่งคะแนนกลับให้มหาวิทยาลัยแก้ไข ก่อนส่งให้ ทปอ.แต่คณะวารสารศาสตร์ฯ กลับไม่พบ และส่งคะแนนที่คำนวณผิดให้ ทปอ.ประกาศผล …

ยังไม่นับรวม “คณะวิทยาศาสตร์” ที่มีปัญหา และต้องเยียวยารับเพิ่มกว่า 200 คน ต่างกันตรงที่การแก้ปัญหาของคณะวิทยาศาสตร์ ได้หารือ และขอความเห็นชอบจากอาจารย์ในคณะ ว่าสามารถจัดการสอนอย่างมีคุณภาพได้ !!

คำถามต่อมาคือ กรณีเช่นนี้ เกิดขึ้นบ่อยมากน้อยแค่ไหน นายชาลียอมรับว่า การคำนวณคะแนนผิดเกิดขึ้นได้ในทุกมหาวิทยาลัย อย่าง มธ.ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ในอดีตก็เคยมี แต่ต้องบอกว่าปัจจุบันปัญหานี้ลดน้อยลงมาก และเป็นปีแรกที่ มธ.จ้างโปรแกรมเมอร์จากภายนอกมาช่วยคณะคำนวณคะแนนดิบ ซึ่งไม่อยากเชื่อเช่นกันว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้น

ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ โดยปีหน้า มธ.ได้เตรียมปรับระบบคำนวณคะแนนใหม่ จ้างโปรแกรมเมอร์จากภายนอก 2 ทีม และส่งคะแนนดิบให้คณะคำนวณ ซึ่งแต่ละคณะจะมีทีมเอ และทีมบี รวมมีทีมที่คำนวณคะแนนดิบ 4 ทีม เทียบยันกันจนกว่าจะมีความถูกต้อง 100% จึงจะส่งให้ ทปอ.เคลียร์ริ่ง และประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก

ทั้งนี้ ปัญหาของคณะวารสารศาสตร์ฯ ส่วนหนึ่งเกิดเพราะอดีตคณบดีไม่ได้หารือกับอาจารย์ในคณะ ตัดสินใจกันเฉพาะฝ่ายบริหาร ทำให้อาจารย์ในคณะกังวลว่าจะกระทบกับคุณภาพ หากนักศึกษาล้นเกินกว่าจำนวนอาจารย์ผู้สอน

ถือเป็น “ความหวังดี” ของ “ผู้สอน”

จากนี้ มธ.ต้องสืบหาข้อเท็จจริง โดยมหาวิทยาลัยได้ตั้ง “คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง” ขึ้น เรื่องนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลคะแนนทีแคสของ มธ.จะต้องเข้าให้ข้อมูลทั้งหมด ไล่ตั้งแต่รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ผู้บริหารคณะวารสารศาสตร์ฯ ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

หากพบความ “ผิด” หรือ “พลาด” กันที่จุดใด คงต้องมีการระบุโทษตามลำดับ

จนถึงนาทีนี้ ยังบอกไม่ได้ไม่เต็มปากว่า ปัญหาของคณะวารสารศาสตร์ฯ มธ.จบลงแล้ว ยังคงต้องลุ้นว่าจะออกหมู่ หรือจ่า เพราะหากผู้สมัครคนใดยังไม่พอใจผลการเยียวยา เรื่องจะบานปลายไปถึงขั้นฟ้องศาลปกครองกันหรือไม่ ??

เพราะถึงอย่างไร “ธรรมศาสตร์” ก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้…

ที่สำคัญ เชื่อว่าไม่ได้มีแค่ มธ.ที่เกิดปัญหาดังกล่าว จึงถือเป็น “บทเรียน” ครั้งสำคัญ ให้หลายๆ มหาวิทยาลัยหามาตรการป้องกัน ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือ !!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image