เปิดตัว!! เจ้าของ ‘เตี้ย มช.’ ลั่นดำเนินคดีกับคนฆ่าถึงที่สุด เปิดตัว ‘แม่-พี่น้องท้องเดียวกัน’

เปิดตัว!! เจ้าของ ‘เตี้ย มช.’ ลั่นดำเนินคดีกับคนฆ่าถึงที่สุด เปิดตัว ‘แม่-พี่น้องท้องเดียวกัน’

พี่เตี้ย มช. – กรณี “พี่เตี้ย มช.” สุนัขของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ที่ถูกพบว่าตายอยู่ในป่าข้างทาง ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยกล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่ามีคนพาขึ้นรถจักรยานยนต์ออกไป กระทั่งพบว่าตายแล้ว จากนั้น ส.ต.ท.สังกัด ตชด.ได้เข้าพบ ระบุว่าเป็นคนพาพี่เตี้ยออกไป โดยอ้างว่าพี่เตี้ยกระโดดลงรถแล้วถูกล้อหลังเหยียบจนตายนั้น

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม นายสมศักดิ์ ไชยวงค์ อายุ 72 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ มช.พักอาศัยอยู่ย่านชุมชนเจ็ดยอด ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เจ้าของพี่เตี้ยที่แท้จริง เปิดเผยว่า “เตี้ย มช.” เป็นสุนัขของตน และครอบครัว ที่บ้านตั้งชื่อว่า “ช้าง” เกิดมาพร้อมกับพี่น้องท้องเดียวกันรวม 5 ตัว เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2555 จากแม่ที่ชื่อ “ถุงเงิน” ที่ปัจจุบันอายุประมาณ 12 ปี และยังมีชีวิตอยู่ที่บ้าน พร้อมกับน้องของ “เตี้ย มช.” อีก 2 ตัว

โดย “ช้าง” หรือ “เตี้ย มช.” ที่คนส่วนใหญ่รู้จักนั้น มีนิสัยเป็นมิตร และชอบเล่นกับคนตั้งแต่เล็กๆ แล้ว เมื่ออายุได้ 6 เดือน หรือช่วงปลายปี 2555 ก็เริ่มตามคนออกเที่ยว จากละแวกใกล้ๆ บ้าน และขยับออกไปไกลจนถึง มช.โดยในช่วงแรกยังกลับบ้านบ้าง จนกระทั่งในช่วง 3 ปีหลังมานี้ แทบจะไม่ได้กลับมาเลย และใช้ชีวิตอยู่ใน มช.เป็นหลัก ครั้งสุดท้ายที่ “เตี้ย มช.”กลับมาบ้านน่าจะประมาณปีที่แล้ว และมาเพียงวันเดียวก็กลับไป

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงเวลาที่ “เตี้ย มช.” ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้น ตนมักจะแวะเวียนไปเที่ยวหาอยู่เสมอ เพราะปกติในช่วงเช้าของทุกวัน จะออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยานขึ้นดอยสุเทพ และขากลับจะขี่เข้าไปหาใน มช.ช่วงแรกพบว่า “เตี้ย มช.” มักจะนอนอยู่บริเวณศาลาธรรม จนต่อมาใช้ชีวิตอยู่ที่ภาควิชาคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ เป็นหลัก โดยมีนักศึกษาเอ็นดูรักใคร่ให้อาหารกิน และดูแลอย่างดี

มีครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ตนเคยพยายามจะพา “เตี้ย มช.” กลับบ้าน ด้วยการขี่จักรยาน และผูกเชือกจูงกันมา แต่ “เตี้ย มช.” กลับมาอยู่ได้เพียง 2-3 วัน ก็กลับไปอยู่ใน มช.อีกเหมือนเดิม สุดท้ายจึงตัดสินใจปล่อยให้ “เตี้ย มช.” ใช้ชีวิตอย่างอิสระตามความต้องการ เพราะเห็นว่ามันมีความสุขดี และวางใจได้ว่าได้รับการดูแลอย่างดีจากคนที่รักใคร่มัน

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ตอนแรกไม่คิดว่า “เตี้ย มช.” จะกลายเป็นสุนัขชื่อดังที่มีคนรู้จัก และรักใคร่มากมายเช่นนี้ จนครั้งหนึ่งในช่วงที่ มช.จัดงานประเพณีรับน้องขึ้นดอย เห็น “เตี้ย มช.” วิ่งขึ้นดอยกับนักศึกษา และกลายเป็นข่าวโด่งดัง ซึ่งดีใจด้วยกับ “เตี้ย มช.” ที่มีคนรู้จัก และรักใคร่มากมายเช่นนั้น

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ทั้งตน และครอบครัว ไม่เคยคิดแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของดั้งเดิมของ “เตี้ย มช.” เลย แต่ยังผูกพันกันอยู่ในฐานะเจ้าของ และ “เตี้ย มช.” หรือ “ช้าง” ก็ยังจำได้ เพราะทุกครั้งที่ตน หรือคนในครอบครัวแวะเวียนไปหา หรือเจอกับ “เตี้ย มช.” โดยเรียกชื่อว่า “ช้าง” มันยังจำได้ และวิ่งเข้ามาหาพร้อมเล่นด้วยอย่างมีความสุข และคุ้นเคยทุกครั้ง

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อทราบข่าว การตายของ “เตี้ย มช.” ครั้งแรก รู้สึกตกใจ และเสียใจอย่างมาก แม้จะไม่ได้เลี้ยงดู “เตี้ย มช.” อยู่ที่บ้าน แต่ตนยังรักใคร่ผูกพันในฐานะเจ้าของอยู่ดี เพราะเห็นมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ลืมตาดูโลก และทุกวันนี้ “ถุงเงิน” แม่ของ “เตี้ย มช.” ก็ยังอยู่ที่บ้านของตน พร้อมกับน้องอีก 2 ตัว อย่างไรก็ตาม ยิ่งรู้สึกสะเทือนใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อทราบว่ามีความเป็นไปได้ที่ “เตี้ย มช.” อาจจะถูกทารุณกรรม หรือถูกฆ่าให้ตาย

มองว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมเกินไป และอยากจะถามคนที่ทำเช่นนั้นได้อย่างไรกับ “เตี้ย มช.” ที่เป็นมิตรกับทุกคน และไม่มีทางสู้ โดยจากเดิมที่ไม่เคยคิดว่าจะแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ เมื่อได้รับการติดต่อประสานงานจากทางมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องสงสัย จึงพร้อมที่จะแสดงตัว เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ “เตี้ย มช.” โดยในส่วนของการดำเนินการตามกฎหมายนั้น จะมอบหมายให้ทางมูลนิธิฯ เป็นตัวแทนดำเนินการให้จนถึงที่สุด เพื่อทำให้ความจริงปรากฏ

ขอบคุณภาพ/ เนื้อหา จากข่าวสด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image