‘ณัฏฐพล’ แจงมาตรการรับมือเปิดเทอมให้ ครม.รับทราบ
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา จากเดิมที่หมดอายุเมื่อปี พ.ศ.2562 แล้ว ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนสามารถสนับสนุนการศึกษาในโรงเรียนของรัฐและเอกชน เพื่อเอาไปลดหย่อนภาษีได้
นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ศธ.ได้แจ้งให้ ครม.ทราบถึงแนวทางปฏิบัติในการเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ในวันที่ 1 กรกฏาคม ถ้าจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียน โรงเรียนต้องปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อย่างเคร่งครัด หากไม่สามารถเรียนที่โรงเรียนได้ ต้องเรียนผ่านช่องทางออนแอร์ และสอนเสริมทางออนไลน์ ซึ่งการเรียนผ่านช่องทางนี้จะส่งผลกระทบต่อหลักสูตรการสอนและการประเมิน การวัดผล และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ซึ่งตนได้ยืนยันกับ ครม.ว่าไม่ต้องกังวลในเรื่องเหล่านี้ เพราะศธ.เตรียมแผนงานเพื่อรองรับเรื่องเหล่านี้ไว้หมดแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับการเรียนออนแอร์และออนไลน์นั้น ขอให้โรงเรียน และครูไม่ต้องกังวล เพราะศธ.ได้จัดสรรงบประมาณไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีอาจจะให้โรงเรียนที่มีความพร้อมได้เปิดภาคเรียนก่อนวันที่ 1 กรกฏาคม ศธ.จะพิจารณาอย่างไร นายณัฏฐพล กล่าวว่า เรื่องนี้ ศธ.ไม่ได้เป็นผู้พิจารณากำหนดการเปิดเรียน แต่ ศธ.มีหน้าที่จัดทำมาตรการการตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด ให้โรงเรียนในสังกัดรับทราบ และเสนอกลับมาว่าสามารถทำตามมาาตรการนั้นได้หรือไม่ หากมีข้อจำกัดจะมีข้อเสนออย่างไร เช่น ไม่สามารถจัดห้องเรียน ให้นักเรียนเว้นระยะห่างทางสังคมได้ 20 คนต่อห้องได้ โรงเรียนมีแนวทางอย่างไร เป็น ซึ่งปัญหานี้ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่น้อย ดังนั้น โรงเรียนจะใช้เวลาในการต้องคิดแผน และแนวทางแก้ปัญหา
“ส่วนที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จะเสนอให้ ศบค.พิจารณาหยุดชดเชยสงกรานต์ ในเดือนกรกฏาคม จะกระทบกับการเปิดเรียนหรือไม่ อาจจะมีผลกระทบบ้าง แต่ทั้งนี้ผมขอให้ทางรัฐบาลพิจารณาก่อน” นายณัฏฐพล กล่าว
