ใจหาย!! สองตายายใจหาย ความทรงจำวัยเยาว์หายในพริบตาหลังบ้านเขียวโดนทุบ
บ้านเขียว – เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่บริเวณท่าน้ำเชตะวัน สวนรุกขชาติเชตะวัน ต.ในเวียง อ.เมือง จ.แพร่ ผู้สื่อข่าวรายงาน มีประชาชนให้ความสนใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในบริวเณสวนรุกขชาติ จากการนำเสนอข่าวการทุบอาคารเก่าแก่ ที่เดิมเคยเป็นสำนักงานของบริษัทบอมเบย์เบอร์มา หรือบ้านเขียว ยุคสัมปทานป่าไม้เมืองแพร่ เมือ131 ปี ก่อนจับกลุ่มคุยวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
น.ส.เจริญศรี เคยมี อายุ 82 ปี ชาวบ้านชุมชนเชตะวัน เปิดเผยว่า ย้อนความทรงจำวัยเยาว์ว่า เห็นมาตั้งแต่เกิด จนถึงวันที่ถูกทุบทิ้งเมื่อ 2 วันก่อน สมัยก่อนตอนเป็นเด็ก เล็กๆ จำภาพได้ว่ามีบ้านพักเรียงรายจำนวนมาก และที่เด่นสง่าคือบ้านสีเขียว มาวิ่งเล่น และมีช้างจำนวนมาก ท่อนซุงลอยในแม่น้ำยม บ้างก็ถูกชักลากมากองรวมเป็นหมอนไม้ และยังเคยมาวิ่งเล่น ปีนท่อนซุงเล่น ส่วนอาคารอีกอาคารของบริษัทอีสเอเชียติกส์ ที่อยู่ใกล้น้ำยม ได้ถูกน้ำพัดหายไปกับสายน้ำแล้ว รวมทั้ง บ้านพักคนงาน ที่ทำงานในหมอนไม้บางหลังก็ถูกน้ำพัดไปบางหลังก็ถูกรื้อถอน
“พอเป็นสาววัยกระเตาะขึ้นมาหน่อย ก็ยังมาวิ่งเล่นบริเวณนี้ พอข้าราชการป่าไม้มีงานเลี้ยง ก็จะมาเกาะรั้วดูงาน ที่มีดนตรี รู้สึกมีความสุขในช่วงเวลานั้น เพราะในอดีต ไม่ค่อยมีงานหมรสพให้ได้ดู จะได้ดูทีก็ตอนที่สำนักงานป่าไม้แห่งนี้มีงานเลี้ยง” น.ส.เจริญศรี กล่าว
ขณะที่ชาวบ้านอีกคน กล่าวว่า สมัยก่อนเห็นรถไฟลากไม้ซุงจากป่าหลังพระธาตุช่อแฮ ด้วยรถราง ตั้งแต่แถวช่อแฮ มาถึงท่าน้ำแห่งนี้
นายพิภพ เรืองขาว อายุ 73 ปี บ้านเลขที่ 61 ถนนเชตะวัน ต.ในเวียง อ.เมือง จ.แพร่ อดีตข้าราชการครูโรงเรียนนารีรัตน์ จ.แพร่ กล่าวว่า แต่ก่อนทราบว่าสำนักงานป่าไม้จังหวัด ป่าไม้เขต แล้วย้ายไป ต่อมาทราบว่าบริษัทต่างชาติเข้ามาทำงานตรงนี้ อาคารลักษณะเหมือนกับในโรงเรียนป่าไม้แพร่ และเป็นห้างที่พักพนักงาน ก่อนที่พวกป่าไม้จะย้ายไปสำนักงานใหม่ บ้านหลังนี้ก็อนุรักษ์ไว้ ให้อนุชนได้เห็น ตาเกิดมาก็เห็นเลย และรู้เรื่องราวการทำไม้จากรุ่นปู่ย่า ส่วนการทุบอาคารดังกล่าวรู้แล้วรู้สึกหดหู่ใจ ใจหาย ตอนที่เข้ามา คนในชุมชนไม่เคยรู้เรื่องเลย ได้ยินจากเพื่อนบ้านาเล่าให้ฟัง ยังไม่ได้ไปดูเลย แต่รู้สึกหดหู่ใจ เพราะในอดีตผมเคยไปเที่ยวเล่นน้ำ และเห็นท่อนซุง จำนวนมาก เป็นภาพอดีตที่คิดทีไรก็มีความสุขในวัยเด็ก
