คอลัมน์เด็กมอขอแจม : เรียนภาษา…ต้องหาที่ปล่อยของ

เรียนภาษา…ต้องหาที่ปล่อยของ

สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ ฝ้าย หรือ น.ส.ชนัญญา โคกาอินทร์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

ฝ้ายจบม.ปลายสายภาษา (ภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส) จากประเทศอินเดีย ไม่เพียงภาษาที่เราจะนำมาใช้สื่อสารได้ เรายังได้เรียนเรื่องวัฒนธรรม ประเพณี โดยเฉพาะเรื่องอาหารด้วย

หลักสูตรของโรงเรียนที่ประเทศอินเดีย มีหลายแบบ สำหรับโรงเรียนมัธยมปลายใช้หลักสูตร ICSE เป็นหลักสูตรต้นตำรับมาจากประเทศอังกฤษเมื่อครั้งที่ประเทศอินเดียเคยเป็นเมืองขึ้น หลักสูตรนี้สามารถนำไปสมัครเรียนระดับมหาวิทยาลัยได้เกือบทั่วโลก โดยที่เราไม่ต้องยื่นคะแนนเพิ่มเติม ตอนนั้นฝ้ายก็ถูกใจมากๆ กับระบบการเรียนของประเทศเขา เพราะนักเรียนไม่ต้องสอบเก็บคะแนนสะสม จะมีเพียงการสอบวัดผลกลางภาคและปลายภาคเท่านั้น ถ้าเราได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ จะต้องซ้ำชั้นทันที ไม่มีการสอบซ่อม นี่จึงเป็นเรื่องที่เด็กนักเรียนทุกคนจำเป็นต้องใส่ใจ ถึงแม้จะมีการแข่งขันสูง แต่เพื่อน ๆ จะยินดีช่วยกันเสมอ และจะพยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ผ่านเกณฑ์

Advertisement

เมื่อตอนปีสาม ฝ้ายได้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาที่ฮานอย ประเทศเวียดนาม จำได้ว่าตอนนั้นเป็นพื้นที่แรกๆ ที่ฝ้ายจะได้ใช้ภาษาฝรั่งเศสแบบตลอดเวลา เกิดความประหม่าและแอบเกร็งเล็กน้อย แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากได้ปล่อยของที่เรียนมา เราต้องลุยค่ะ

บรรยากาศในห้องเรียนที่นั่น เพื่อนๆ ชาวเวียดนามค่อนข้างตั้งใจเรียนสูงมาก ยิ่งได้รับมอบหมายงาน พวกเขาจะไม่ทำขอไปที จึงทำให้พวกเรานักศึกษาไทย ต้องปรับตัวกัน นอกจากนี้ ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจากประเทศไหนก็ตาม แต่ทุกคนก็เกินคำว่ากลัวใช้คำผิด เรากล้าที่จะพูด สื่อสารออกไปเป็นภาษาฝรั่งเศสแบบไม่กลัวผิด เพราะมันจะทำให้เรามั่นใจและเรียนรู้

นอกจากโครงการแลกเปลี่ยนที่เปิดโอกาสให้เราได้ไปปล่อยของแล้วนั้น ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ยังมีวิชาฝึกงานที่นักศึกษาสามารถเลือกไปฝึกงานในต่างประเทศได้

Advertisement

ฝ้ายเลือกฝึกงานที่องค์กร Maison de la Thailande ที่กรุงปารีส ตำแหน่งผู้ประสานงาน เหตุผลที่เลือกฝึกงานที่ฝรั่งเศส เพราะอยากลองใช้ภาษาในสถานการณ์จริง การทำงานในกรุงปารีสนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องทำงานท่ามกลางชาวฝรั่งเศสที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลักในการสื่อสาร ระบบการทำงานแบบฝรั่งเศสที่มีความแตกต่างจากไทยอยู่มาก การฝึกงานที่ประเทศฝรั่งเศสทำให้ฝ้ายมีความกล้าและมั่นใจในการใช้ภาษาฝรั่งเศสมากขึ้น

ส่วนเรื่องการรับมือกับเหตุการณ์ Culture Shock นั้น จำได้ว่า Culture Shock ที่ประเทศอินเดีย น่าจะเป็นเรื่องการใช้ท้องถนน ที่นั่นวัวจะเดินไปมา รถบนถนนจะต้องหยุดให้วัวไปก่อนเสมอ เพราะคนอินเดียถือว่าวัวเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญทางด้านศาสนา ต้องให้เกียรติ สำหรับประเทศเวียดนาม ผู้คนมักจะทิ้งเศษอาหารไว้บนพื้นของร้านอาหาร เพราะการนำเศษอาหารไว้บนโต๊ะจะทำให้เกิดความสกปรกระหว่างทานอาหาร นี่ก็เป็นมุมมองของเขา ทิ้งที่พื้นแล้วเก็บกวาดทีเดียว ส่วนประเทศฝรั่งเศส คนส่วนใหญ่จะพึ่งพาตนเองมากกว่าขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น จะไม่ยุ่งเรื่องของกันและกัน ดังนั้นเราจึงต้องเปิดใจให้กว้าง ยอมรับความแตกต่าง และสิ่งที่มันแตกต่างนี้จะกลายเป็นความรู้ใหม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image