ชงกกอ.รื้อเกณฑ์ขอตน.วิชาการ แนะเพิ่มช่อง’สายสังคม’ใช้ตำราขอได้
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ที่มีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธาน มีมติให้แก้ไขเพิ่มเติมบทเฉพาะกาล ขยายการบังคับใช้ประกาศดังกล่าว ออกไปเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งในช่วงเปลี่ยนผ่าน อาจารย์สามารถยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์(ผศ.) รองศาสตราจารย์(รศ.) และศาสตราจารย์ (ศ.) 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 คู่ขนานไปได้ นั้น ส่วนตัวเห็นด้วยที่ขยายเวลาบังคับใช้ออกไป และให้ใช้เกณฑ์เดิมเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการได้ เพื่อไม่ให้อาจารย์เสียสิทธิ ส่วนการปรับแก้นั้น เดิมทีจะประชุมทปอ.นัดพิเศษ แต่เมื่อก.พ.อ. มีมติดังกล่าวออกมา ก็คงจะยกเลิก แต่ก็จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม ทปอ. นัดต่อไปในเดือนสิงหาคม เพื่อรวบรวมประเด็นปัญหา ข้อเสนอ แนวทางในการปรับแก้หลักเกณฑ์ดังกล่าวให้คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ที่มีนพ.อุดม คชินทร เป็นประธาน พิจารณา เชื่อว่า นพ.อุดมจะเข้าใจบริบทเพราะมาจากมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน
น.ท.สุมิตร สุวรรณ รองคณบดีคณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยที่มีการขยายเวลาให้ใช้หลักเกณฑ์เดิมในการขอตำแหน่งทางวิชาการคู่ขนานกันไปได้ โดยเกณฑ์ใหม่ มีข้อดีบางอย่าง อาทิ มีหลายช่องทางในการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ ให้อาจารย์ที่มีผลงานโดดเด่น ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติสามารถเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการได้ โดยไม่ต้องเข้ารับการประเมินซ้ำ แต่ก็อยากให้รับฟังความคิดเห็นของอาจารย์ที่สอนในสายสังคมด้วย เพราะบางสาขาต้องสอนค่อนข้างมาก ทำให้ไม่มีเวลาไปทำวิจัย ดังนั้นจึงอยากเสนอให้เพิ่มช่องทาง โดยให้อาจารย์สายสังคมสามารถเขียนตำราเรียน 2 เล่ม ใช้ขอตำแหน่งทางวิชาการแทนงานวิจัยได้ เพราะสายสังคม ต่างกับสายวิทยาศาสตร์ที่ต้องทำผลงานวิจัยอยู่แล้ว ขณะเดียวกันอยากขอให้ตัดรายละเอียดที่หยุมหยิม เข้าใจยากออก ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
“หลักเกณฑ์นี้ออกมาสำหรับผู้ที่สอนในสายวิทย์ ไม่ได้เอื้อสายสังคม ซึ่งหากทำไม่ได้ตามเกณฑ์ ก็อาจถูกยกเลิกสัญญาจ้าง กลายเป็นปัญหา ดังนั้นควรปรับแก้หลักเกณฑ์ ให้เอื้อต่อการทำงานของอาจารย์ทั้งสายวิทย์และสายสังคม ไม่ใช่ตัดเสื้อตัวเดียวแล้วใส่ทุกคน นอกจากนี้หากก.พ.อ.อยากให้มหาวิทยาลัยใช้เกณฑ์เดียวในการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการทุกแห่ง ก็ควรจะดูแลเรื่องค่าตอบแทนให้ได้รับครบทั้งสองขา โดยทุกวันนี้ รัฐบาลให้การสนับสนุน เงินค่าตำแหน่งทางวิชาการ ผศ. 5,600 บาท รศ. 9,900 บาท และ ศ. 13,000 บาท อีกส่วนมหาวิทยาลัยจะสมทบให้เท่ากัน แต่ก็มีบางมหาวิทยาลัยไม่ได้ให้เงินสมทบ ทำให้แต่ละแห่งได้เงินค่าตำแหน่งทางวิชาการไม่เท่ากัน ซึ่งส่วนตัวหาก ก.พ.อ.จะออกเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งยากมากขนาดนี้ ก็ควรจะดูแลสิทธิของอาจารย์ให้เท่าเทียมกันด้วย” น.ท.สุมิตรกล่าว