‘โบว์-ณัฏฐา’ นำทีมน.ร. ยื่น 4 ข้อเรียกร้อง ศธ. ลงโทษครูละเมิดสิทธิเด็ก

‘โบว์-ณัฏฐา’ นำทีมน.ร. ยื่น 4 ข้อเรียกร้อง ศธ. ลงโทษครูละเมิดสิทธิเด็ก

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม เวลา 14.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)  น.ส. ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง  ในฐานะครู ผู้ปกครอง พร้อมด้วย กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท และกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย เดินทางเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการศธ.และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้ศธ.ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับครูที่ละเมิดสิทธิ ทำร้าย ล่วงละเมิดทางเพศ กล้อนผมเด็ก และประชาสัมพันธ์สายด่วนการศึกษา1579 รับเรื่องร้องเรียน ทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กไทยทุกคน โดยมีนายประเสริฐ  บุญเรือง ปลัดศธ.  รับเรื่อง

น.ส.ณัฏฐา กล่าวว่า  ที่ผ่านมามีการลงโทษที่ละเมิดสิทธิเด็กหลายครั้ง อย่างกรณีสืบเนื่องจากกรณี น.ส.จตุพร คำเอี่ยม ผู้ปกครองนักเรียนหญิงชั้น ม.3 ร.ร.ยางชุมน้อยพิทยาคม จ.ศรีสะเกษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ลูกสาวถูกครูชายกล้อนผมเพราะเห็นว่าผมยาว และต่อมา ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ ออกมายืนยันว่า ครูทำตามระเบียบของโรงเรียน ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่สังคมได้รับทราบว่ามีการกล้อนผมเด็กในโรงเรียน หรือมีการละเมิดสิทธิ ทำร้ายร่างกายและจิตใจนักเรียนในลักษณะต่างๆ รวมถึงการล่วงละเมิดทางเพศที่เป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา และศธ.ก็มีกฎระเบียบเพื่อคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของนักเรียน เช่น ระเบียบศธ. ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียนปี 2563 ที่ระบุให้นักเรียนไว้ผมยาวได้ และระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาที่ห้ามลงโทษด้วยวิธีรุนแรงหรือแบบกลั่นแกล้ง

น.ส.ณัฏฐา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตามระเบียบทรงผม ได้มีการระบุชัดเจนว่าสถานศึกษาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาหรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียนอาจวางระเบียบทรงผมที่มีความเฉพาะเจาะจงได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบของกระทรวงฯดังกล่าว และในระเบียบว่าด้วยการลงโทษก็ระบุให้มีการลงโทษได้ 4 สถาน คือ ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ หรือทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จึงเป็นที่ชัดเจนว่าผู้บริหารโรงเรียนดังกล่าวมิได้ควบคุมการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎกระทรวงฯ ทั้งเรื่องระเบียบทรงผมและการลงโทษนักเรียน ครูที่กล้อนผมเด็กได้กระทำความผิดกฎหมายอาญาฐานทำร้ายร่างกาย หากไม่มีการดำเนินการขั้นเด็ดขาด ก็หมายความว่ากระทรวงศึกษาธิการขาดความสามารถในการบริหารระบบการศึกษาที่จะทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยของนักเรียน

Advertisement

“ดิฉัน ในฐานะครู ผู้ปกครอง และพลเมืองผู้มีหน้าที่ปกป้องสิทธิเด็ก เห็นว่าศธ.จะต้องสามารถรับรองความปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจของเด็กไทยทุกคนในโรงเรียน ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นต่ำสุด จึงขอเสนอข้อเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการศธ.และปลัดศธ.ได้มีนโยบาย  ดังนี้1. ดำเนินการทางวินัยขั้นเด็ดขาดในกรณีนี้ และในอนาคตต่อครูที่มีพฤติกรรมละเมิดสิทธิ ทำร้ายร่างกายและจิตใจของเด็กในทุกกรณี 2. ในกรณีที่มีความผิดตามกฎหมายอาญา ให้ศธ.สามารถเป็นที่พึ่ง ด้วยการจัดการให้มีผู้ช่วยแจ้งความหรือฟ้องร้องดำเนินคดีตามความประสงค์ของผู้ถูกละเมิด เพื่อความเป็นธรรมและเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป 3.ประชาสัมพันธ์สายด่วน 1579เพื่อให้นักเรียนทุกคนทราบว่ามีช่องทางที่สะดวกปลอดภัยในการร้องเรียนการละเมิดต่อกระทรวงศึกษาธิการโดยตรง และ 4.ปรับปรุงระเบียบของกระทรวงในส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้มีบทลงโทษต่อครูและผู้บริหารโรงเรียนที่ดำเนินการผิดระเบียบ โดยเฉพาะการลงโทษนักเรียนด้วยวิธีละเมิด เพราะโรงเรียนควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน” น.ส.ณัฏฐา กล่าว

ตัวแทนกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท กล่าวว่า  ตนเป็นตัวแทนของนักเรียนทั่วประเทศ ขอให้ศธ. ยกเลิกระเบียบทรงผม ซึ่งเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของนักเรียน  เพราะการไว้ผมสั้นหรือผมยาวไม่ได้การันตีว่า เด็กจะเรียนเก่งขึ้น ทั้งนี้พวกตนรู้ดีว่า ศธ. อนุญาตให้นักเรียนไว้ผมยาวได้แล้วแต่ก็ยังให้อำนาจกับโรงเรียนในการกำหนดหลักเกณฑ์ทรงผม  ซึ่งในช่วงเปิดภาคเรียนที่ผ่านมา ทางกลุ่มได้รับเรื่องร้องเรียน จากเด็กที่ถูกกร่อนผม มาต่อเนื่อง ดังนั้นนอกจะขอให้ยกเลิกระเบียบทรงผมดังกล่าว ขอให้มีการอออกกฎลงโทษ ผู้ที่กระทำรุนแรงกับเด็กด้วย โดยมีผู้ร่วมลงชื่อ ยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวจำนวน 58 คน  หากไม่มีการดำเนินการใดๆ ทางกลุ่มซึ่งถือเป็นผู้เสียหาย จะไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้

กลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า  ที่ผ่านมาพบปัญหาสถานศึกษา ในกลุ่มภาคตะวันออก ทำการริดรอดสิทธิเด็ก อาทิ วิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่ง ทำการตัดผมเด็ก โดยไม่มีการว่ากล่าวตักเตือน ให้ปรับปรุงแก้ไข และเป็นการตัดในลักษณะกลั่นแกล้ง ให้อับอาย ไม่ใช่เพื่อให้ปรับปรุงตัว เช่น ตัดเป็นขั้นบันได เป็นต้น  ขณะที่ในส่วนของโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง มีกรณีครูบังคับให้นักเรียนก้มกราบ ซึ่งเด็กได้นำเรื่องนี้ไปโพสต์ในโซเชียลทำให้ครูเกิดความไม่พอใจ เรียกเด็กมากราบขอขมา และบังคับให้ลาออกจากโรงเรียน ไม่เช่นนั้นจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ซึ่งทั้งสองกรณีถือเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก ดังนั้นจึงอยากให้ศธ. ตระหนักถึงการกำหนดบทลงโทษคนที่ละเมิดสิทธิเด็ก

ปลัดศธ. กล่าวว่า ตนรับข้อเสนอของทั้ง 3 กลุ่ม โดยเร็ว ๆ นี้จะนัดประชุมหา แนวทางแก้ปัญหากับทุกภาคส่วน ทั้ง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งเกี่ยวข้องในเรื่องของสิทธิมนุษยชน หน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัด อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ตนได้มีหนังสือแจ้งไปยังต้นสังกัดของหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัด ขอให้ทุกแห่งดำเนินการปรับแก้ระเบียบทรงผมให้สอดคล้องกับ ระเบียบใหม่ที่ออกในปี2563 โดยต้องรับฟังความคิดแห่งจากนักเรียน ผู้ปกครองและกรรมการสถานศึกษา เพื่ออกเป็นมติร่วมกัน เชื่อขณะนี้ทุกโรงเรียนรับทราบแล้ว ทั้งนี้ ตนเข้าใจสิ่งที่นักเรียนเรียกร้อง แต่ทุกอย่างต้องเป็นข้อตกลงร่วมกัน  เพราะโรงเรียนเป็นสถานที่ฝึกระเบียบวินัย เตรียมความพร้อมของคน ที่จะออกมาใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม ที่ต้องมีกติกา ไม่มีใครได้ตามข้อเรียกร้องทั้ง 100% เชื่อว่าถ้ามีการพูดคุย และปรับจูนเข้าหากันคนละครึ่งทางก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image