กลุ่ม น.ร.เลว บุก ศธ. ฉะปล่อยครูละเมิดสิทธิ ล่าแม่มด ถามต้องรอวัวหายค่อยล้อมคอกหรือไม่

กลุ่มนร.เลว บุกศธ.

กลุ่ม น.ร.เลว บุก ศธ. ฉะปล่อยครูละเมิดสิทธิ ล่าแม่มด ถามต้องรอวัวหายค่อยล้อมคอกหรือไม่

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 31 กรกฎาคม กลุ่มนักเรียนเลว ประมาณ 40 คน เดินทางมารวมตัวบริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ภายใต้แคมเปญ “นักเรียนไทย ไม่ไหวแล้วโว้ย” เพื่อมาแสดงจุดยืน ข้อเรียกร้องต่อ ศธ.ดังนี้ คุณครูต้องไม่ทารุณ กฎระเบียบต้องไม่ละเมิดสิทธิ และนักเรียนคิดเห็นได้อย่างเสรีภาพ

จากนั้น เวลาประมาณ 17.00 น. ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช ผู้ช่วยปลัด ศธ. ได้พูดคุยกับแกนนำเพื่อทำความเข้าใจว่าการจัดกิจกรรมต่างๆ ถือเป็นสิทธิ แต่อยากให้มานั่งพูดคุยและทำความเข้าใจ ลงมือทำและเดินไปด้วยกันกับ ศธ. เพื่อให้การแก้ปัญหาต่างๆ เป็นรูปธรรม โดยเสนอให้กลุ่มนักเรียนเสนอรายชื่อตัวแทนเพื่อเข้ามาร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ตนเองก็เป็นแม่ มีลูกหลานต้องดูแล อยากให้นักเรียนทุกคนมาร่วมมือดำเนินการตามข้อเรียกร้องให้เป็นรูปธรรม ไม่ใช่รวมกลุ่มกันแล้วไม่เกิดอะไรขึ้น

จากนั้น ดร.เกศทิพย์เจรจากับกลุ่มนักเรียนขอให้ย้ายสถานที่จัดกิจกรรมจากหน้า ศธ.มาเป็นสนามหญ้าหน้าอาคารราชวัลลภ เพื่อไม่ให้กระทบกับการจราจร ซึ่งจะติดขัดในช่วงเย็น โดยทางกลุ่มนักเรียนก็ได้ย้ายตามที่ร้องขอ

กลุ่มนักเรียนได้เริ่มจัดกิจกรรม โดยมีการปราศรัยปัญหาการศึกษาไทยตั้งแต่โครงสร้างยันฉากหน้า
ตัวแทนนักเรียนกล่าวว่า การที่นักเรียนถูกคุกคามสิทธิในการแสดงความคิดเห็นเรื่องต่างๆ ด้วยการถูกโรงเรียนกดทับ นักเรียนบางคนได้รับข้อความจากโรงเรียนห้ามมาร่วมชุมนุมทางการเมือง เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของเด็ก แม้กระทั่งการแสดงความคิดเห็นเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนตนเองก็ตาม อย่างที่เห็นตัวอย่างในทวิตเตอร์ ที่นักเรียนถูกครูล่าแม่มด ไม่ให้แสดงความคิดเห็นถึงปัญหาในโรงเรียน ถ้าทำจะไล่ออก ทั้งที่การแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องปกติ จึงสงสัยว่าทำไมถึงทำไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีคำพูดว่าถ้าไม่พอใจโรงเรียนในประเด็นต่างๆ ทำไมไม่ไปคุยกับผู้บริหาร แต่สิ่งที่กดทับคืออำนาจนิยมในสถานศึกษา เมื่อนักเรียนไปร้องเรียนจะได้รับคำตอบว่า ไม่พอใจก็ไปเรียนที่อื่น เช่น ปัญหาทรงผม ถ้าไม่พอใจไปเรียนนานาชาติ มาเรียนโรงเรียนรัฐทำไม เป็นต้น

Advertisement

“การแสดงความคิดเห็น การพูดถึงปัญหาต่างๆ เป็นเรื่องปกติที่เด็กอย่างเราจะแสดงความคิดเห็นได้ การห้ามเด็กไม่ให้แสดงความคิดเห็นด้วยเหตุผลว่าไม่มีวุฒิภาวะมากพอ แล้วทำไมไม่สอนเด็ก ให้ความรู้เด็กเรื่องนี้ กลับห้ามเด็กพูดและแสดงออก ปัญหานี้แก้ไขได้ไม่ยากถ้าเปิดให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น จึงอยากฝาก ศธ.แก้ไขปัญหานี้ด้วย” ตัวแทนนักเรียนกล่าว

ขณะที่มิน ซึ่งออกจากโรงเรียนเพราะถูกบังคับให้ตัดผม กล่าวว่า ทรงผมนักเรียนเป็นปัญหาเรื้อรังหลายสิบปี ล่าสุด ศธ.ออกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ซึ่งให้ไว้ผมยาวได้ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือข้อ 7 ที่ยังให้อำนาจผู้บริหารโรงเรียนออกกฎให้ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบใหม่ หมายความว่าโรงเรียนยังสามารถบังคับให้นักเรียนไว้ผมสั้นได้ โรงเรียนที่ไว้ผมยาวคือโรงเรียนที่อนุญาตให้ไว้ผมยาวอยู่แล้ว ส่วนโรงเรียนที่ให้ไว้ผมสั้นก็ยังบังคับเด็กเช่นเดิม ขณะที่ประเด็นการมีส่วนร่วม ก็ไม่เคยเห็นมีโรงเรียนไหนทำ ดังจะเห็นได้ว่า มีครูบางคนข่มขู่นักเรียน ขู่จะฟ้อง ตัดคะแนน ขู่ไล่ออกซึ่งจะเห็นบ่อยมาก ทั้งนี้ ครูไม่มีสิทธิ เพราะโรงเรียนไม่ใช่บ้านครู และนักเรียนก็เป็นคนหนึ่งที่เสียภาษีทางอ้อมเช่นเดียวกัน

Advertisement

ด้านตัวแทนนักเรียน กลุ่มความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีนักเรียนจำนวนมากถูกละเมิดโดยอ้างว่าทำตามระเบียบ เป็นสิ่งที่ ศธ.ไม่เคยสนใจกำชับ คือเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่เราจะได้มีทรงผมและร่างกายของตัวเอง ที่พูดเรื่องนี้เพราะยังมีครูที่เหยียดเพศว่านักเรียนเป็นสายเหลือง พวกตีฉิ่ง พอนักเรียนไม่พอใจก็บอกว่าล้อเล่น สร้างแนวคิดการเหยียดเพศ รากฐานทั้งหมดมาจากครู หนังสือสุขศึกษาซึ่งใช้มานานหลายสิบปีสร้างแนวคิดการเหยียดเพศ ทั้งที่เราไม่ใช่ตัวประหลาด

กวางตุ้งกล่าวว่า ความรุนแรงในสถานศึกษาที่เราเห็นบ่อยครั้งคือ ครูใช้ไม้เรียวตีนักเรียน แต่ไม้เรียวนั้นสร้างคนจริงหรือไม่ การมองนักเรียนเป็นลูกหลาน แต่สิ่งที่ครูทำกับนักเรียนมันถูกมันควรแล้วหรือ นักเรียนต้องอยู่นิ่งให้ครูตีเท่านั้นหรือ แต่ในระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.2548 กำหนดไว้ว่าห้ามลงโทษนักเรียนด้วยความรุนแรง แต่ตนเข้าเรียนในปี พ.ศ.2550 กลับยังถูกการลงโทษด้วยการตี ตนเชื่อว่าทุกคนถูกทำร้ายจากระบบการศึกษา ไม่ว่าจะทางตรงทางอ้อม ทางคำพูดของครูหรือการกระทำของครูที่เรียกตนเองว่าแม่พิมพ์ของชาติ แต่แม่พิมพ์ที่บิดเบี้ยวจะสร้างอนาคตของชาติได้อย่างไร นักเรียนไม่ใช่สัตว์ที่ต้องเฆี่ยนตีเพื่อให้หลาบจำ นี่หรือวิธีของปัญญาชน ครูไม่ควรสร้างความรุนแรงต่อร่างกายและจิตใจกับนักเรียน และทำไม ศธ.ไม่ออกมาแก้ไขปัญหานี้ ทำไมรอเกิดเรื่องแล้วแก้ไข รอจนวัวหายแล้วล้อมคอกหรือ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image