‘น.ร.เลว’ ปราศรัยเข้ม ฉะ ‘ระบบการศึกษา’ สุดเหลื่อมล้ำ จำลองรั้ว ร.ร. ตัดผม-ลงโทษเด็ก กลางอนุสาวรีย์ ปชต.

‘น.ร.เลว’ ปราศรัยเข้ม ฉะ ‘ระบบการศึกษา’ สุดเหลื่อมล้ำ จำลองรั้ว ร.ร. ตัดผม-ลงโทษเด็ก กลางอนุสาวรีย์ ปชต.

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ  คณะประชาชนปลดแอก จัดการชุมนุมใหญ่ ขีดเส้นตายไล่เผด็จการ #โบกพัดซัดเผด็จการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 14.40 น. มวลชนเดินเท้าลงถนนราชดำเนินกลางเต็มพื้นที่ กลุ่มประชาชนปลดแอกตั้งเวทีเล็กบริเวณหัวมุมถนนหน้าสำนักงานใหญ่องค์การค้าของคุรุสภาเดิม ระหว่างเตรียมตั้งเวทีใหญ่ โดยเรียกร้อง 3 ข้อ 1.หยุดคุกคามประชาชน 2. ยุบสภา 3. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่

โดยเวลา 15.00 น. มีการแสดงโดยศิลปินซึ่งมีการแจกกระดาษสีขาวให้ร่วมกันพับนกเรียกร้องประชาธิปไตย

จากนั้นเวลา 16.47 กลุ่มนักเรียนเลว โดยมีตัวแทนนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย นักเรียน ชั้น ม.6 และ ม.4 ขึ้นปราศรัย โดยเปิดเพลงหน้าที่ของเด็กหรือ เด็กเอ๋ยเด็กดี และระบุว่า เพลงนี้มีมาตั้งแต่ ปี 2534 ผ่านมา 30 ปี เด็กไทยยังต้องใช้ความคิดชุดนี้เป็นความดี เป็นคนดีได้ต้องทำความดี 10 ข้อ หรือผิดจาก 10 ข้อเป็นเด็กเลวหรือ ดังนั้น เพลงเด็กเอ๋ยเด็กดี จึงเรียกได้ว่า เด็กดีสำเร็จรูป หล่อหลอมโดยชนชั้นนำให้อนาคตของชาติเป็นอนาคตของเขา ซึ่งการหล่อหลอมเด็กด้วยบทกวี มีเรื่อยๆ

Advertisement

ค่านิยม 12 ประการ ที่กล่อมหู เรายังไม่เห็นทำตาม จะโดนล้างสมองได้อย่างไร การผูกขาดความดีแบบที่ชนชั้นนำทางสังคมต้องการให้ประชาชนเป็น ต่อมาคือหลักสูตรการศึกษาที่ผูกขาด มีเพียง 1 เดียว นักเรียนทุกคน ป.1-3 ต้องเรียนเหมือนกัน ทั้งที่ ผู้ใหญ่บอกว่า เด็กเป็นผ้าขาวที่รอการแต่งแต้มสีสัน แต่ถ้าแต่งแต้มสีเดียวจะไปได้อะไร

เปิด ร.ร.หลายหลักสูตร แต่ต้องใช้เงินหลายแสนให้ลูกเข้าไปเรียน ต้องใช้เงินจำนวนมากซื้อการศึกษาที่ดี ซื้อสิทธิมนุษยชน ที่ควรจะเป็นของเราตั้งแต่แรก เมื้อพูดถึงการศึกษา ที่ตามมาคือ โรงเรียน ในประเด็นความเหลื้อมล้ำ ร.ร.ในประเทศไทย จะแบ่งเป็น ร.ร.รัฐ กับ ร.ร.เอกชน หลายคนอาจไม่ทราบว่า ในรัฐธรรมนูญ ระบุไว้ว่า นักเรียนต้องมีสิทธิเรียนฟรีตั้งแต่อนุบาล 1- ม.3 แต่ทำไมเรายังเสียค่าเทอมอยู่ เป็นคำถามที่ยังไม่มีใครตอบได้ คนที่เกิดมาควรได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีคุณภาพ ร.ร.รัฐ กับ ร.ร.เอกชน ให้การศึกษาที่ต่างกัน หลักสูตรเดียว แต่ถ้ามีเงินไปเข้าเอกชน มีเป็นหลายร้อยหลักสูตรให้เลือกเรียนตามชนิดผ้าที่เกิดมาถามว่าประเทศเจริญแล้ว ทำแบบนี้หรือไม่

“บอกว่าเป็นอนาคตของชาติ ทำกับอนาคตของชาติแบบนี้ ประเทศจะไปพัฒนาได้อย่างไร บอกเด็กอย่ายุ่งการเมือง แล้วนี่การเมืองไหม แม้แต่ รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษา (ศธ.) ยังส่งลูก 3 คนเรียนต่างประเทศ แล้วเราจะเชื่อมั่นการศึกษาไทยได้อย่างไร เป่านกหวีดมาเป็นรัฐมนตรี แต่ไม่ทำอะไรสักอย่าง เมื่อไหร่จะแก้ปัญหาสักที มัวแต่งแย่งเก้าอี้ ซบไหล่กันไปมา”

Advertisement

จึงขอนิยามว่า คือ โรงงานผลิตทาส เอาเด็กเข้าโรงงาน แม่พิมพ์ออกมา ทำงาน ตาย ทำงาน ตาย แล้วก็วนใหม่  สิ่งเหล่านี้สะท้อนอะไรหลายๆ อย่าง ประเทศที่เจริญวัดจากคุณภาพการศึกษา เป็นรากฐานของประชาชน ของพลเมืองที่ดี เมื่อรากฐานเฮงซวย ประชาชนจะมีความคิดที่ดีได้อย่างไร การศึกษานี้สร้างพลเมืองเฉื่อยๆ ไม่มีความคิดของตัวเอง คิดอย่างไรก็อย่างนั้น ไม่แปลกที่การศึกษาจะเฮงซวย ระบบการศึกษาไทย มีปัญหาทุกอย่าง สรุปแล้วการศึกษาไทยมีอะไรดีบ้าง

นอกจากนี้ ยังมีเรื่อง “กฎระเบียบในโรงเรียน” ที่ตั้งคำถามว่า เราจะทำไปทำไม ปัญญาอ่อน เราจะใส่โบว์ สีเดียวกันไปทำไม ตัดผมไปทำไม ทรงผมไม่ได้บ่งบอกความเป็นคนดี ขึ้นอยู่ที่จิตใจ

จากนั้น มีตัวแสดงแต่งกายเป็นครู นักเรียนชาย หญิง และ นักเรียนข้ามเพศ ขึ้นมาบนเวทีระหว่างการปราศรัย โดยคุณครูได้ตัดผมนักเรียนหญิง ตรวจผมนักเรียนชาย และทำโทษด้วยการใช้ไม้เรียวตีก้นนักเรียน

ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลว ปราศรัยต่อว่า ครูบ้าอำนาจไม้เรียวสามารถสั่งสอนคนได้ อยากรู้ว่านักเรียนเป็นวัวหรือเป็นควายหรือ ถึงสั่งสอนด้วยไม้เรียว ให้อำนาจกับครูผู้สอนมากไป นักเรียนก็เป็นมนุษย์ คุณครูก็เป็นมนุษย์ ทำเหมือนว่าไม่ใช่มนุษย์ คือสิ่งที่ครูสมควรทำกับเด็กหรือ นี่คือเรื่องราวจำลอง แต่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงเรียนจริงๆ

ในฐานะองค์กรทางสังคม มองว่า โรงเรียนให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มากกว่า เรากำลังส่งบุตรหลานไปรับการศึกษา หรือ ไปรับการทรมานจิตใจ ครูไถหัวนักเรียน คนดีมากไหม ขอบคุณนะคะที่กล้าจะสอนหนู แต่เก็บไปสอนตัวเองเถอะ

การคุกคามนักเรียนในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ ถูกครู ผู้บริหารคุกคามจากการแสดงความเห็นทางการเมือง มีผู้ร้องเรียนมากกว่า 50 โรงเรียนทั่วประเทศ นี่คือความตกต่ำที่สุดในยุคนี้ กับการคุกคามเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี หนักสุดคือ เจอนักเรียนคนหนึ่งถูกไล่ออก เพียงเพระาเจาแสดงความคิดเห็นในกลุ่มบนเฟซบุ๊ก ล่าสุด เด็กโดนไล่ออกเหมือนกัน แต่คนละโรงเรียน นี่คือสิ่งที่ผิดหรือ ทำไมต้องตัดอนาคตของชาติ ของนักเรียนด้วยการไล่ออก

จากนั้น มีการปรบมือเป็นจังหวะ ร้องเพลง ลามะลิลา
โดยเปลี่ยนเนื้อเพลงท่อนคำสร้อย เป็น “ลามะลิลา ขึ้นต้นก็เป็นทหาร พออยู่นานๆ ก็ไปนั่งในสภา” กล่าวถึง
ความหวังของรักเรียนไทย อยู่ในมือพวกผู้ใหญ่หัวโบราณนานมา, ไม่ยอมรับการเปลี่ยน ทำตัวเป็นไดโนเสาร์, ประเทศนี้เป็นของเรา, กี่คนที่ถูกอุ้มหาย เป็นผักปลา, บอกเด็กไม่ควรยุ่งการเมือง แต่การศึกษาไม่กระเตื้องเพราะการเมืองมีปัญหา เป็นต้น โดยผู้ชุมนุมต่างปรบมือร่วมร้องเพลงอย่างคึกครื้น

โดยก่อนจบกิจกรรม ผู้ชุมนุมต่างชูสามนิ้ว ตะโกน “เมื่อวันที่ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image