ครูตั้น ปัดดีเบตม็อบนักเรียน บอกเห็นเรื่องเดียวกัน พร้อมรับฟังแก้ปัญหาการศึกษา

‘ครูตั้น’ ปัดดีเบตม็อบนักเรียน บอกเห็นเรื่องเดียวกัน พร้อมรับฟังแก้ปัญหาการศึกษา

เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดแถลงข่าวการดำเนินการตามข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนกว่า 95% เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและหลายเรื่อง ศธ.กำลังดำเนินการอยู่แล้ว อยู่ในแผนงบประมาณปลายปีงบประมาณ 2563 ต่อเนื่องปีงบประมาณ 2564 ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องทรงผม ขณะนี้ได้มีการปรับแก้ระเบียบ ศธ. ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 โดยได้ยกเลิกข้อ 7 ที่ให้อำนาจผู้บริหารสถานศึกษาตัดสินใจเกี่ยวการไว้ทรงผมของนักเรียนได้ นักเรียนหญิงสามารถไว้ผมสั้น หรือยาว แต่ต้องรวบให้เรียบร้อย ผู้ชายไว้รองทรง

“ให้เสรีภาพเพียงแต่จะต้องยึดการรักษาความสะอาดไว้ การแต่งกาย ต้องยอมรับว่าต่างประเทศทั่วโลกส่วนใหญ่ยังมีการใส่เครื่องแบบนักเรียน ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะยังไม่จำเป็นที่จะนำมาเป็นเรื่องสำคัญในการแก้ปัญหา แต่ในอนาคต ก็อาจจะมีการพูดคุย แต่จากการรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของนักเรียนยังอยากให้มีชุดนักเรียน เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัยให้รู้ว่านักเรียนอยู่ตรงส่วนไหน ขณะเดียวกันยังลดปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ เพราะหากให้แต่งกายอย่างอิสระก็อาจจะเกิดการแข่งขัน และเกิดการดูถูกกัน ซึ่งน่าจะกลายเป็นปัญหามากกว่า” นายณัฏฐพล กล่าว

นายณัฏฐพลกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องความหลากหลายทางเพศ ขณะนี้รัฐบาลได้เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต พ.ศ….แลอยู่ระหว่างรอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทุกคนเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องภาระงานของครูนั้น เป็นสิ่งที่ ศธ.รับฟังจากครูมาโดยตลอด ซึ่ง ศธ.พร้อมจะปลดล็อก เปลี่ยนจากประเมินเพื่อตัดสิน เป็นการประเมินเพื่อคุณภาพ คืนเวลาของครูให้เด็กคิดว่าจะเกิดประโยชน์กับการศึกษามากขึ้น

Advertisement

อีกเรื่องคือ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษานั้น ศธ.ได้จัดทำหน่วยบริการจัดการองค์ความรู้ของประเทศ เพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตหรือ DEEP ซึ่งขณะนี้มีอยู่ทั้งหมดกว่า 200 ศูนย์ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการปรับหลักสูตรการเรียนรู้มาเป็นหลักสูตรการเรียนรู้แบบฐานสมรรถนะทั้งในส่วนของการศึกษาขั้นพื้นฐาน และอาชีวศึกษา ซึ่งเดิมวางแผนจะเริ่มในปี 2565 แต่เมื่อเป็นข้อเรียกร้องหนึ่งก็จะผลักดันให้เร็วขึ้น โดยจะเริ่มในปี 2564 รวมถึงการส่งเสริมการเรียนภาษาต่างประเทศนั้นเมื่อเร็วๆ นี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติอัตราครูต่างประเทศมาสอน ภาษาอังกฤษ 1 หมื่นอัตรา และภาษาจีน 1 หมื่นอัตรา เพียงแต่ติดสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ดังนั้นจึงยังไม่สามารถเดินทางข้ามประเทศมากได้

“ส่วนข้อเรียกร้องให้มีการยกเลิกการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานหรือโอเน็ต โดยเฉพาะปีนี้ที่การศึกษาไม่เท่าเทียมกันทั่วประเทศ มีการเปิดปิดโรงเรียนต่างกัน และก็ไม่แน่ใจว่าในอนาคตเชื้อโควิดจะระบาดและส่งผลให้ต้องปิดโรงเรียนอีกหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องมาดูว่าการสอบโอเน็ตยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ โดย ศธ. จะเปิดช่องทางรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องการคุกคามทางเพศนั้น ที่ผ่านมาศธ.ได้มีการเปิดศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา ซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ (ศคพ.)เพื่อให้การแก้ปัญหาเร็วขึ้น และได้มีการลงโทษให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว 15 ราย แต่ทั้งหมดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป สำหรับรายชื่อ 109 โรงเรียนที่ได้รับร้องเรียนว่า มีการคุกคามการแสดงออกของนักเรียนนั้น พบว่าปัญหาส่วนใหญ่แก้ปัญหาได้จากการพูดคุย เพราะบางเรื่องเกิดจากความไม่เข้าใจ เช่น การให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลเรื่องความปลอดภัย แต่นักเรียนมองว่าเป็นการคุกคาม” นายณัฏฐพลกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายข้ออาจจะยังไม่ตอบโจทย์ข้อเรียกร้องของนักเรียน นายณัฏฐพลกล่าวว่า ทุกเรื่องที่มีข้อเสนอแนะมา เป็นข้อเสนอจากคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ตนต้องฟังความคิดเห็นจากคนส่วนใหญ่ทั้งครู ผู้ปกครอง ผู้บริการสถานศึกษาแนวทางปฏิบัติของคนทั่วประเทศรวมถึงแนวทางปฏิบัติของนานาชาติด้วย เป็นเรื่องที่ต้องมาพูดคุยและต้องวางลำดับความสำคัญอย่างเรื่องการแต่งกาย หากจะยกเลิกตนก็ชัดเจน ว่าคงไม่ใช่ภายในปีนี้หรือในช่วงที่ตนอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ขณะเดียวกันอีกหลายเรื่องยังสามารถทำความเข้าใจและพูดคุยกันได้

“สำหรับน้องๆ ที่จะมาวันนี้ ผมได้ติดตามทางทวิตเตอร์ก็เห็นว่า เตรียมหาทางให้รัฐมนตรีตอบคำถามไม่ได้ ซึ่งผมเลือกที่จะพบ หรือไม่พบ ก็ได้ แต่คิดว่า การพูดคุยอย่างสันติวิธีน่าจะเป็นทางออกทีเหมาะสมกับการศึกษาไทยและประเทศไทย ตอนนี้เรามีความเปราะบางในหลาย ๆ เรื่องโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ไม่อยากให้ข้อเรียกร้องต่าง ๆ มาทำให้เศรษฐกิจของไทยมีปัญหา แต่ตนก็พร้อมรับฟัง และคิดว่าการเปิดเวทีที่จะรับฟังในทุกรูปแบบจะลดความกดดันหรือลดความไม่เข้าใจลงได้บ้าง เราสามารถพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ตราบใดที่เคารพกติกาซึ่งกันและกัน หากจะอ้างว่า ทำไมอดีตมีการชุมนุมได้ นั่นเพราะในช่วงนั้นไม่มีการรับฟังความคิดเห็นเท่าตอนนี้” รัฐมนตรี ศธ.กล่าว

ถามต่อว่า ช่วงบ่ายจะลงมาพบนักเรียนหรือไม่ นายณัฏฐพลกล่าวว่า การโต้วาทีเป็นการแสดงความคิดเห็นแตกต่าง แต่ตนไม่ได้เห็นต่างกับนักเรียน ส่วนใหญ่เป็นความคิดเห็นที่ตรงกัน เพียงแต่บางเรื่องอาจต้องใช้เวลาดังนั้นหากไม่มีความเห็นแตกต่าง จึงไม่จำเป็นต้องโต้วาที ซึ่งการลงมาพบนักเรียนหรือไม่คงต้อรอดูสถานการณ์เพราะทราบว่า ไม่ได้มีเฉพาะนักเรียนเท่านั้น มีกลุ่มคนอื่นด้วย ซึ่งตนไม่มีปัญหากับการแสดงออก ตราบใดที่ไม่เกิดความรุนแรง ก็พร้อมพูดคุย

ถามต่อว่า มีข้อเสนอว่า ให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ลาออกหากไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องของนักเรียนได้ นายณัฏฐพลกล่าวว่า การพูดเช่นนั้น คือการคุกคามตนเอง เพราะตอนนี้ตนพยายามแก้ปัญหาทุกเรื่องอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องใช้เวลา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image