นักวิชาการจุฬาฯ ชี้ม็อบ น.ร.เป็นก้าวสำคัญของระบบตรวจสอบ ชื่นชม รมว.ศธ.กล้าเผชิญหน้า

นักวิชาการจุฬาฯ ชี้ม็อบ น.ร.เป็นก้าวสำคัญของระบบตรวจสอบ ชื่นชม รมว.ศธ.กล้าเผชิญหน้า

ม็อบนักเรียน – จากกรณีที่นักเรียนที่ชื่อกลุ่มนักเรียนเลว และเครือข่ายนักเรียน เรียกร้องนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) 3 ข้อเรียกร้องที่นักเรียนที่ชื่อกลุ่มนักเรียนเลว และเครือข่ายนักเรียนเรียกร้อง คือหยุดคุกคามนักเรียน ยกเลิกกฎระเบียบที่ล้าหลัง และปฏิรูปการศึกษา ซึ่งนายณัฏฐพลระบุว่าอยู่ระหว่างดำเนินการนั้น

ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะคุรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า การชุมนุมหน้า ศธ.ของกลุ่มนักเรียนเลว และเครือข่ายนักเรียนรวม 50 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยมีนายณัฏฐพลมาร่วมดีเบตด้วยนั้น มองว่าเป็นก้าวสำคัญของระบบการตรวจสอบ และการปฏิรูปการศึกษา ซึ่ง 3 ข้อเรียกร้อง คือ 1.หยุดคุกคามนักเรียน 2.ยกเลิกกฎระเบียบที่ล้าหลัง 3.ปฏิรูปการศึกษา และอีก 1 เงื่อนไข หากทำไม่ได้ก็ให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ลาออก ที่นักเรียนมอบให้ ศธ.นั้น มองว่าถือเป็นเรื่องสร้างสรรค์ เพราะเด็กมิสิทธิที่จะตรวจสอบระบบการศึกษาที่ลงไปสู่ตัวเอง และระบบนี้ได้กดทับเด็ก ไม่ใช่แค่ระยะเวลา 2-3 เดือน แต่เด็กถูกกระทำเป็น 10 ปี ซึ่งระบบนี้ไม่เพียงแค่กดทับเด็กเพียงอย่างเดียว แต่กลับทำลายระบบชีวิตที่ควรจะเป็นของเด็กจากการที่เข้าไปสู่ระบบโรงเรียนด้วย ซึ่งทุกเคยผ่านระบบการศึกษาแบบนี้มาก่อน แต่เราไม่เคยตั้งคำถามเหมือนเด็กทำ

“ผมมองว่าเรื่องที่นักเรียนเรียกร้องนั้น เป็นภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ขึ้นมาให้สังคมทั่วไปได้รับรู้ถึงปัญหาการศึกษา และการจัดเวทีค่อนข้างจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการปฏิรูปการศึกษาในอีก 10 ปีข้างหน้า เพราะจะมีนักเรียนระดับชั้นอื่นๆ ที่โตขึ้นมา ทำภารกิจนี้ต่อ ฉะนั้น ใน 10 ปีข้างหน้า พลังตรวจสอบของคนที่ได้รับผลกระทบ จะมีการหนุนอย่างต่อเนื่อง และจะมีการตั้งคำถามอย่างรุนแรง เหมือนวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ดังนั้น การปฏิรูปการศึกษาตามข้อเรียกร้องของนักเรียน จะมาช้าอ้อยอิ่ง ตั้งคณะกรรมการศึกษาเอกสารเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว

ศ.ดร.สมพงษ์กล่าวต่อว่า ส่วนท่าทีของนายณัฏฐพล ถือว่าตัดสินใจถูก และมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับนักเรียน แม้จะถูกโห่ หรือถูกเป่านกหวีดไล่ แต่รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้เป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับนักเรียนในครั้งนี้ด้วย เพราะเป็นก้าวย่างสำคัญของเด็กที่ลุกขึ้นมาตรวจสอบคุณภาพการศึกษาด้วยตัวของเขาเอง โดยไม่ต้องอาศัยคนอื่น ซึ่งท่าทีของนายณัฏฐพลนั้น แบ่งรับแบ่งสู้ และพยายามอธิบาย มีวุฒิภาวะทางการเมือง ที่กล้ารับฟังทุกความคิดเห็น

Advertisement

“ทั้งนี้ ผมอยากเสนอผู้ชุมนุม คือควรจะลดคำหยาบลง ไม่เช่นนั้นหลักการ และสิ่งที่เด็กเตรียมมาจะเสียของ อาจจะทำให้ 3 ข้อเรียกร้อง และ 1 เงื่อนไข ถูกนำมาบิดเบือนไปเป็นเรื่องการเมือง และไล่รัฐมนตรีว่าการ ศธ.เป็นหลัก นอกจากนี้ สิ่งที่ควรจะปรับปรุงคือ ควรเน้นเรื่องการปฏิรูปการศึกษาให้มาก เพราะถือเป็นการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ และผมอยากให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.เปิดพื้นที่รับฟังเด็กต่างจังหวัดด้วย เพราะจะพบชุดปัญหาที่แตกต่างระหว่างในเมือง และชนบท ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหา ถูกทางมากขึ้น” นายสมพงษ์ กล่าว

ศ.ดร.สมพงษ์กล่าวอีกว่า ส่วนเงื่อนไขถ้านายณัฏฐพลทำไม่ได้ ให้ลาออกไปนั้น ถ้ามองความตั้งใจ และความพยายามของนายณัฏฐพล ถือว่าโอเค ซึ่งตนมองว่าควรให้โอกาสนายณัฏฐพลอีก 1 ปี โดยที่นักเรียนต้องติดตามผลอยากต่อเนื่อง แต่ให้นายณัฏฐพลลาออก และเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ใหม่ อาจจะทำให้นักเรียนกลับมาเริ่มต้นใหม่ หรือเริ่มต้นเรียกร้องใหม่อีกครั้ง และขอเสนอให้นายณักฐพล นำประเด็นที่นักเรียนเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรงผม สิทธิมนุษยชน สิทธิเด็ก เรื่องความเท่าเทียมกัน หรือความหลากหลายทางเพศ มาใส่ไว้ในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. … ที่อยู่ระหว่างยกร่างในขณะนี้ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image