‘ณัฏฐพล‘ ย้ำรับทุกความคิดเห็นของ น.ร.มาพิจารณา–แก้ไข
เมื่อวันที่ 18 กันยายน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังจากได้เปิดช่องทางรับข้อเรียกร้อง ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นของนักเรียน ผ่านเว็บไซต์www.nataphol.com และช่องทางอื่นๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ ทุกประเด็นทางกระทรวงศึกษาธิการถือเป็นเรื่องต้องรับมาพิจารณาและดำเนินการ ทุกเรื่องที่น้องๆ เสนอเข้ามาในทุกช่องทางที่ตนเปิดไว้ ตนได้รับรู้และรับทราบทุกข้อและในหลายๆ เรื่อง ตนได้เรียกให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับทราบข้อมูลและให้ดำเนินการแก้ไขเป็นการเร่งด่วน ซึ่งบางเรื่องได้ดำเนินการไปแล้ว และบางเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการ
“ผมมีความชัดเจนที่ต้องการรื้อระบบการศึกษา ซึ่งหลายเรื่องกว่าจะมีผลสำเร็จต้องใช้ระยะเวลา แต่ขอให้น้องๆ มั่นใจว่า ผมเห็นด้วยกับทุกๆ ฝ่าย ที่ต้องมีการรื้อระบบการศึกษาไทย ให้สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 เช่นเดียวกับการยกเลิกการสอบโอเน็ต ในช่วงแพร่ระบาดของเขื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในปีนี้ ผมได้เรียกสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) มาพูดคุย และให้ร่วมหารือกับคณะกรรมการ สทศ. เพื่อสรุปแนวทางปฏิบัติ รวมถึงแก้ไขข้อติดขัดต่างๆ หากมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการสอบ แต่ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องมีหลักเกณฑ์การวัดผลอื่นๆมาทดแทนด้วย ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีการยกเลิกการสอบในบางระดับชั้นหรือทุกชั้นหรือเลือกที่จะสอบ สำหรับช่องทางการสำรวจ ซึ่งเปิดให้มีการโหวตผ่าน www.nataphol.com เบื้องต้นมีผู้เข้ามาร่วมโหวตมากกว่า 20,000 โหวต ซึ่งเสียงโหวตส่วนใหญ่กว่า 80% แสดงความคิดเห็นต้องการให้ยกเลิกโอเน็ต ” นายณัฏฐพลกล่าว
นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหาการคุกคาม รวมถึงการถูกครูล่วงละเมิดทางเพศ ที่มีการเรียกร้องนั้น ตนเองให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เป็นอย่างมาก ซึ่งนับตั้งแต่การเปิดศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนและนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ (ศคพ.) สายด่วน 1579 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และ เว็บไซต์ www.nataphol.com มีประโยชน์ต่อผู้ถูกกระทำ เพราะมีการร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก และการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ ศธ. ได้ดำเนินการเอาผิดผู้กระทำความผิดได้ทันท่วงที และไล่ออกไว้ก่อน พร้อมยกเลิกใบประกอบวิชาชีพครู รวมแล้วกว่า 16 กรณี จากอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีการดำเนินการแต่อย่างใด รวมถึงการคุกคามด้านอื่นๆ ในโรงเรียนก็ต้องให้มีความเข้มข้น“โรงเรียนต้องเป็นสถานที่ปลอดภัยจากการคุกคาม”
“ทุกการร้องเรียน ผมจะเก็บเป็นความลับ ขอให้ทุกคนมั่นใจ ผมเชื่อว่าข้อเรียกร้องของน้องๆ ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยในวันนี้ น้องๆ ยังคงสามารถใช้ช่องทาง nataphol.com และช่องทางของ ศธ. ได้ โดยส่วนตัวเชื่อว่า น้องๆ อาจไม่ได้คิดที่อยากจะออกไปชุมนุมด้วย เพราะข้อเรียกร้องที่มานั้นได้รับการแก้ไขแล้ว และบางเรื่องก็อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ”นายณัฏฐพลกล่าว
นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า ตนได้เน้นย้ำไปยังผู้อำนวยการสถานศึกษาทั่วประเทศ ให้เปิดรับฟังข้อร้องเรียน พร้อมทำความเข้าใจกับน้องๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นปัญหาสำคัญของประเทศในขณะนี้ คือเรื่องปากท้องของประชาชน และปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งถือเป็นลำดับต้นๆ ที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ และร่วมมือกันแก้ไขอยู่ในขณะนี้
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ภายหลังจากนายณัฏฐพลได้มอบนโยบายให้ สำนักวานคณะกรรมการการศึกษาจั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สั่งการให้โรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ เปิดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน มีโรงเรียนทั้งสิ้น 1,015 แห่งใน 47เขตพื้นที่การศึกษา มีนักเรียนร่วมแสดงความคิดเห็นรวม 29,584 คน โดยแบ่งเป็นเวทีแสดงความคิดเห็นระดับชั้นประถมศึกษาใน 18 เขตการศึกษา 176 โรงเรียน มีนักเรียนร่วมแสดงความเห็น 2,215 คน เป็นเวทีแสดงความคิดเห็นระดับชั้นมัธยมศึกษาใน 29 เขตการศึกษา จำนวน 839 โรงเรียน นักเรียนแสดงความเห็น 27,344 คน รวมถึงโรงเรียนเฉพาะทาง 48 แห่ง ศูนย์การศึกษาพิเศษ 77 ศูนย์ และโรงเรียนสงเคราะห์อีก 52 แห่ง โดยประเด็นที่มีการแสดงความเห็นเป็นหัวข้อเดียวกันกับการชุมนุมของเด็กนักเรียนที่ผ่านมา ได้แก่ ปัญหาด้านการเรียนการสอน ที่ยังมีความเหลื่อมล้ำในระบบ การแข่งขันของคุณครูที่ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอน ไม่เห็นด้วยกับการสอบโอเน็ตเนื่องจากบริบททางการศึกษาของแต่ละโรงเรียนและแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน ปัญหาด้านเครื่องแบบนักเรียนและทรงผม ปัญหาการใช้พฤติกรรมรุนแรง กลั่นแกล้ง รังแกผู้อื่นทั้งทางวาจาและร่างกาย รวมถึงการปรับปรุงสภาพโรงเรียนให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ส่วนการแสดงออกทางความคิดเห็น ต้องการให้ผู้ใหญ่เปิดใจรับฟังความคิดเห็นในมุมที่แตกต่าง เนื่องจากความแตกต่างระหว่างวัย ประสบการณ์ และทัศนคติ