กฤษฎีกาคัดร่าง กม.ตลอดชีวิตออก เหตุไม่เสนอความเห็นตามกำหนด
การศึกษาตลอดชีวิต – นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือเรื่องการปรับโครงสร้างภายในสำนักงานปลัด ศธ.มีหน่วยงานสำคัญ 3 กรม คือ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้คัดร่าง พ.ร.บ.การศึกษาตลอดชีวิต ออกจากสารระบบการพิจารณาร่างกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา เนื่องจากเป็นร่างกฎหมายที่ไม่มีการเสนอความเห็นเข้ามาตามเวลาที่กำหนด โดยขณะนี้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็น ส่วนอีก 2 กรม คือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ยังไม่ได้ออกแบบ หรือปรับองค์กรใหม่
นายสุภัทรกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังหารือเรื่องการกำหนดหน่วยงานที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย แต่ยังไม่ได้กำหนดให้มาอยู่ภายใต้โครงสร้างสำนักงานปลัด ศธ.อย่างเป็นทางการ อาทิ ศึกษาธิการภาค (ศธภ.) และศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ที่จัดตั้งตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกฎหมายรองรับ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) และศูนย์บริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หน่วยงานเหล่านี้ได้กำหนดอัตรากำลัง และจัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เพียงแต่ยังไม่ได้กำหนดไว้ในโครงสร้างสำนักงานปลัด ศธ.จึงควรกำหนดไว้ในกฎกระทรวงให้ถูกต้อง
“อย่าง ศธภ.และ ศธจ.กำหนดกรอบอัตรากำลังอยู่ที่ 4,500 ตำแหน่ง บรรจุแต่งตั้งแล้วประมาณ 2,500 ตำแหน่ง ยังขาดอยู่กว่า 45% บางจังหวัดมีบุคลากรทำงานเพียง 10 คน ทำให้เป็นปัญหาในเรื่องการทำงาน ดังนั้น จึงต้องเร่งบรรจุแต่งตั้งให้เพียงพอ ซึ่งต้องหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงบประมาณ เพราะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบกับงบประมาณ” นายสุภัทร กล่าว
นายสุภัทรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังหารือการทำงานของสำนักบูรณาการ ที่จากนี้ต้องกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน ในการสนับสนุนการทำงานของ ศธภ.และ ศธจ.ออกแบบโครงการเพื่อให้หน่วยงานในพื้นที่นำไปปฏิบัติ เช่น นโยบายการควบรวม หรือยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ซึ่งจะไม่ใช่การยุบ หรือควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กโดยตรง แต่จะใช้การเพิ่มคุณภาพโรงเรียนแม่เหล็ก เป็นโรงเรียนดีสี่มุมเมือง เพื่อดึงเด็กในพื้นที่เข้ามาเรียนให้มากที่สุด เป็นต้น
