ทนาย หอบหลักฐานโต้ ‘อู่วิชาญ-ดีเอสไอ’ ยัน ‘เจ้าคุณแป๊ะ’บริสุทธิ์

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 10 สิงหาคม ที่หน้าพระอุโบสถวัดปากน้ำภาษีเจริญ นายสุรพงษ์ สิทธิกรณ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของพระมหาศาสนมุนี หรือเจ้าคุณแป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ ร่วมแถลงข่าวกับนายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ หรืออ๊อด เจ้าของหจก.อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพร์ส ในกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เตรียมออกหมายเรียกให้เจ้าคุณแป๊ะมารับทราบข้อกล่าวหา ในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องคดีรถยนต์โบราณยี่ห้อเมอเซเดส เบนซ์ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปุญฺโญ)เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มีชื่อเป็นผู้ครอบครอง ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ แถลงว่า ที่ต้องจัดแถลงข่าวเนื่องจากดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าคุณแป๊ะ ฐานรู้เห็นว่ารถยนต์โบราณคันดังกล่าวหลีกเลี่ยงภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน รวมถึงเรื่องที่นายวิชาญ รัฐปานะ เจ้าของอู่วิชาญ อ้างมาตลอดว่าเจ้าคุณแป๊ะเป็นผู้จ้างซ่อม และเป็นคนจัดหาอะไหล่ ดังนั้นตนจึงจำเป็นต้องขอหลักฐานจากหลายหน่วยงาน อาทิ ศาลจังหวัดตลิ่งชัน กรมขนส่งทางบก เป็นต้น มาชี้แจงผ่านสื่อมวลชนถึงที่มาของรถรวมถึงขั้นตอนการเสียภาษี ซึ่งหลักฐานที่นำมาวันนี้ อาทิ ใบสั่งซ่อมรถของอู่วิชาญ ที่มีการนัดจ่ายเงิน 3 งวด รวม 4 ล้านบาทและหลักฐานที่นายวิชาญโอนเงินให้นายอ๊อด ชี้ชัดว่านายวิชาญ จัดหาอะไหล่ผ่านนายอ๊อด โดยนำรถมาจดประกอบจากชิ้นส่วนเก่า โดยจดทะเบียนเป็นชื่อนางกาญจนา มากเหมือน จากนั้นนางกาญจนา เป็นผู้โอนรถให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ส่วนหลักฐานที่สำคัญอีกชิ้นคือ หนังสือขั้นตอนการขออนุมัติจดทะเบียนประกอบรถ หากรถคันดังกล่าวไม่เสียภาษีขณะนำเข้าอะไหล่ หรือนำชิ้นส่วนมาประกอบผิดกฎหมาย หัวหน้าส่วนทะเบียนรถยนต์จะอนุมัติให้จดประกอบได้อย่างไร อย่างไรก็ตามหลักฐานทั้งหมด รวมถึงหลักฐานเพิ่มเติมที่ขอหมายศาลไว้แล้วในวันที่ 22 สิงหาคม พร้อมหลักฐานจากคำให้การของอธิบดีดีเอสไอ ที่ให้การกับศาลในครั้งถัดไป จะนำไปมอบให้ดีเอสไอประกอบการพิจารณา

“ผมมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นว่าสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์และเจ้าคุณแป๊ะ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่รู้เห็นว่ารถยนต์โบราณคันดังกล่าวเสียภาษีชอบหรือไม่ชอบโดยกฎหมาย และผมขอฝากว่าเจ้าคุณแป๊ะซื้อรถมาด้วยความสุจริตเหมือนประชาชนทั่วไป ถ้ารถไม่ถูกกฎหมายภาครัฐควรจะคุ้มครองผู้บริโภค เนื่องจากท่านเชื่อเอกสารจากกรมขนส่งว่าถูกต้อง ท่านจึงซื้อ ซึ่งหลักฐานชี้ชัดว่าท่านเป็นผู้เสียหาย แต่ทำไมถึงทำให้ท่านตกเป็นจำเลยของสังคม ผมมองว่าทั้ง 2 ท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย”นายสุรพงษ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายสุรพงษ์แถลงเสร็จ นายเกษมศักดิ์ ได้เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะแถลงพร้อมโชว์หลักฐานภาพถ่ายโครงรถยนต์โบราณ และตัวเครื่องรถยนต์ โดยนายเกษมศักดิ์ กล่าวสั้นๆ ว่า ซากรถยนต์คันดังกล่าว ตนได้ติดต่อซื้อจากสุสานรถในสหรัฐอเมริกา ส่วนตัวเครื่องได้มาจากที่เดียวกันแต่เป็นตัวเครื่องจากคนละคัน โดยนำเข้ามาไม่พร้อมกันและผ่านขั้นตอนการเสียภาษีทั้งหมด ส่วนราคาซื้ออะไหล่ทั้ง 2 ชิ้นเป็นมูลค่าล้านกว่าบาท

หลักฐาน1

Advertisement

หลักฐาน2

หลักฐาน3

หลักฐาน5

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image