| ที่มา | คอลัมน์ "รายงาน" |
|---|---|
| ผู้เขียน | จุไรรัตน์ พงศาภิชาติ |
| เผยแพร่ |
เมื่อเร็วๆ นี้ มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับคณะของ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เพื่อชม งานเทศกาลศิลปะนานาชาติ Setouchi Triennale 2016 ที่เมืองทากะมัตสึ (Takamatsu) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นเทศกาลศิลปะนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะจัดขึ้นทุกๆ 3 ปี ที่เกาะในจังหวัดชายฝั่งทะเลในเชโตะ โดยมี Mr.Miki Makoto Senior Adviser, Arts and Culture Bureau, Kagawa Prefectural Government Setouchi Triennale Executive Committee office พาคณะเยี่ยมชมงาน
ปีนี้ เทศกาลศิลปะนานาชาติ Setouchi Triennale 2016 ให้ความสำคัญกับประเทศในเอเชีย โดยมุ่งเน้นศิลปะแห่งชีวิต อาทิ งานหัตถกรรม นาฏศิลป์ เป็นต้น ซึ่งครั้งนี้คณะกรรมการจัดงานมุ่งเน้นวัฒนธรรมไทย โดยกำหนดจัด โครงการประเทศไทย (Thai Project) ในช่วงฤดูร้อน ระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม-4 กันยายนนี้ และขอความร่วมมือจาก วธ.ให้ช่วยสนับสนุนนักแสดง ช่างหัตถกรรม ได้แก่ ผ้าไหม การแกะสลัก และการนวดแผนไทย หรือสาขาอื่นๆ เข้าร่วมงานโครงการเทศกาลศิลปะนานาชาติ ในส่วนหมู่บ้านแห่งเอเชีย 2016 หรือ Asian Village Project 2016 ที่อาคาร Takamatsu Symbol Tower จัดระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม-7 สิงหาคม 2559
การดูงานครั้งนี้ คณะมีโอกาสไปเยี่ยมชม Thai Factory Market ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีช่างหัตถกรรม ผู้เชี่ยวชาญ และนักแสดงจากไทย มาออกซุ้ม และสาธิตกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดแบบสดๆ ให้ผู้ที่เข้าชมงานได้เห็นเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างละเอียด อาทิ การสาวไหม และการทอผ้าไหมของ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา การทำหน้ากากผีตาโขน อ.ด่านซ้าย จ.เลย การแกะสลักไม้ของบ้านถวาย จ.เชียงใหม่ เครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี การทำร่มบ่อสร้าง จ.เชียงใหม่ การทำหัวโขน การวาดลวดลายบนเรือกอและจำลอง การนวดแผนไทย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการแสดงนาฏศิลป์ไทยภาคต่างๆ เช่น รำกาฬสินธุ์ มโนราห์บูชายันต์ ฟ้อนกลองลาวอีสาน เป็นต้น
ปรากฏว่าชาวญี่ปุ่น รวมถึง นักท่องเที่ยวต่างชาติ สนใจแวะเวียนมาชมการสาธิตขั้นตอนต่างๆ และการแสดงนาฏศิลป์ของไทยย่างล้นหลาม..
นิตยา ชาเทพ ตัวแทนศูนย์อุตสาหกรรมทำร่ม อ.บ่อสร้าง จ.เชียงใหม่ เล่าว่า ที่เข้าร่วม Thai Factory Market เนื่องจากผู้จัดงานของญี่ปุ่นได้ติดต่อไปยังศูนย์อุตสาหกรรมทำร่มโดยตรง เพราะอยากให้คนญี่ปุ่นได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมไทยว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งชาวญี่ปุ่น รวมถึงชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในเมืองทากะมัตสึ สนใจการสาธิตวาดลวดลาย และสีสันบนร่ม โดยเฉพาะการใช้พู่กัน 1 อัน แต่เขียนได้ 2 สีพร้อมกัน ซึ่งชาวญี่ปุ่นทำไม่ได้ และเมื่อลองขอพู่กันไปทดลองวาดลวดลายบนร่มบ้าง ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะวาดยังไงก็มีแค่สีเดียว ซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์การวาดร่มของไทยที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้
Mr.Miki Makoto กล่าวว่า ถือว่างานประสบความสำเร็จ มีชาวญี่ปุ่นสนใจเข้าชมงานจำนวนมาก โดยซุ้มที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือซุ้มสาธิตขั้นตอนการสาวไหมของ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ซึ่งชาวญี่ปุ่นรู้สึกแปลกใจมากที่สีของไหมไทยเป็นสีเหลือง ขณะที่ไหมญี่ปุ่นจะมีสีขาว ชาวญี่ปุ่นที่เข้าชมงานจะมีคำถามว่าไหมไทยย้อมสีหรือเปล่า
นอกจากเยี่ยมชมงาน Thai Factory Market แล้ว Mr.Miki Makoto ยังนำคณะขึ้นเรือสปีดโบ๊ตไปยังเกาะเมกิจิมะ (Megijima) ที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 150-200 คน เพื่อไปชมผลงานการสร้างสรรค์ของศิลปินไทย นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล ชาวไทยเชื้อสายอินเดีย ที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นมานานถึง 20 ปี และแต่งงานกับภรรยาชาวฟูกุโอกะ ซึ่งคุณนาวินถือเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักของชาวญี่ปุ่นอย่างดี จึงได้รับคัดเลือกให้จัดแสดงผลงานร่วมกับศิลปินชาติต่างๆ ในงานเทศกาลศิลปะนานาชาติ Setouchi Triennale 2016 โดยผลงานของคุณนาวินมีชื่อว่า “The Tower of Nishiura” หรือ “OK Tower” มีลักษณะเหมือนหอคอยสูง 12 เมตร ตั้งอยู่ในชุมชนเล็กๆ อย่างชุมชน Nishiura ที่มีประชากรเพียง 20 คน แต่ด้วยความที่คุณนาวินเป็นที่รู้จักของชาวญี่ปุ่น ทำให้ OK Tower ได้รับความสนใจจากชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยว ที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย
สำหรับแนวคิดในการสร้างสรรค์ OK Tower ซึ่งเป็นหอคอยที่ผู้ชมสามารถเดินขึ้นไปด้านบนสุดของหอคอยได้ และมองลงมาเห็นชุมชนโดยรอบ ส่วนรอบๆ หอคอยจะมีภาพวาดใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ รวมถึง ภาพดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงในอดีตของไทยหลายๆ คน
Mr.Miki Makoto เล่าว่า ภาพใบหน้าที่เราเห็นอยู่บน OK Tower มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้ชาย ผู้หญิง คนเฒ่าคนแก่ ล้วนแต่เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ที่มีอยู่ประมาณ 20 คน แต่บางคนได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งคุณนาวินต้องการจะสื่อว่าอะไรคือความสุขของคนในชุมชนนี้ และเมื่อพูดถึงทาว์เวอร์ คนก็จะนึกถึงแต่เมืองใหญ่ๆ แต่ OK Tower คือทาว์เวอร์ในชุมชนเล็กๆ
“อาชีพของชาวเกาะเมกิจิมะ คือประมง และเกษตรกรรม เดิมมีถ้ำซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งเดียวบนเกาะนี้ แต่เมื่อปี 2010 ได้จัดงานเทศกาลศิลปะนานาชาติ Setouchi Triennale ขึ้นเป็นครั้งแรก ทำให้มีศิลปินมาสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้น รวมถึง ศิลปินไทย ทำให้ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเกาะนี้มากถึง 80,000 คนต่อปี” Mr.Miki Makoto กล่าว
นับเป็นความสำเร็จอย่างยิ่ง ในการเผยแพร่งานศิลปะ หัตถกรรม นาฏศิลป์ และสาขาอื่นๆ ของไทย ในงานเทศกาลศิลปะนานาชาติ Setouchi Triennale 2016 ให้ปรากฏสู่สายตาของชาวโลก!!
