ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
“สุโขทัย ไม่ใช่ราชธานีแห่งแรกของไทย” และไม่มีอาณาเขตกว้างขวางใหญ่โตถึงแหลมมลายูตามที่เคยเข้าใจ กรมศิลปากรควรบอกความจริงแก่สังคม เพื่อความปรองดองสมานฉันท์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ในช่วงนี้เป็นกาละเทศะเหมาะสมที่สุด (และเหมาะสมนานหลายสิบปีแล้ว)
ถ้าทำนอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น ก็เท่ากับหลอกลวงแล้วให้ร้ายสังคมไทยต่อไปอีกให้หลงผิด เข้าใจผิด แล้วขัดแย้งรุนแรงกับเพื่อนบ้านโดยรอบ เหมือนที่เคยเป็นมานานมาก
นอกจากนั้นก็เท่ากับกรมศิลปากรและกระทรวงวัฒนธรรม สมคบกันหากำไรจากการโฆษณาหลอกลวงให้คนไปเที่ยวราชธานีแห่งแรกของไทย ทั้งๆ รู้เต็มอกว่าไม่จริง
นักวิชาการทางประวัติศาสตร์โบราณคดีกรมศิลปากร ถือตนและยกตนว่ารอบรู้หลักฐานมากกว่าและดีกว่าใครในไทยและในโลก เมื่อพบว่าแท้จริงแล้ว “สุโขทัยไม่ใช่ราชธานีแห่งแรกของไทย” จึงปลดข้อความนี้ออกจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุโขทัย แล้วไม่เขียนใส่ในหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย (เล่มใหม่)
แต่ไม่แถลงข่าวเป็นทางการ ไม่มีเอกสารวิชาการอธิบายให้รู้ทั่วกันทั้งสังคมไทยและทั้งโลก อย่างนี้ไม่ดี ไม่เหมาะ
มีในจารึกวัดศรีชุม ไม่มีในจารึกพ่อขุน
ประวัติศาสตร์กรุงสุโขทัยสมัยแรกสถาปนา มีอยู่ในจารึกวัดศรีชุม (หรือจารึกสุโขทัย หลักที่ 2) ที่น่าเชื่อว่าทำขึ้นหลัง พ.ศ. 1884
ก่อนหน้านั้นไม่พบว่ามีจารึกกล่าวถึงความเป็นมากรุงสุโขทัย ในจารึกพ่อขุนรามคำแหงก็ไม่มี ผมเคยเขียนไว้ในหนังสือ กรุงสุโขทัย มาจากไหน? (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2536) จะคัดมาดังนี้
ข้อความจารึกวัดศรีชุม บอกชัดเจนว่าพ่อขุนศรีนาวนำถุม (หรือพระยาศรีนาวนำถุม) เสวยราชย์เป็นใหญ่ทั้ง 2 เมือง คือเมืองสุโขทัย กับเมืองศรีสัชนาลัย พร้อมทั้งได้กระทำประดิษฐานพระศรีรัตนมหาธาตุไว้ใกล้ฝั่งแม่น้ำด้วย
ในจารึกไม่มีบอกช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับหลักฐานอื่นๆ แล้ว นักปราชญ์ทั้งหลายมีความเห็นพ้องกันว่าเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มชนตระกูลไต-ไทที่มีบ้านเมืองขนาดเล็กอยู่มาก่อนบริเวณลุ่มน้ำน่าน-ยม เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 18 หรือหลัง พ.ศ. 1700
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวคือพ่อขุนศรีนาวนำถุมมีถิ่นฐานบ้านเมืองเดิมอยู่ทางลุ่มน้ำน่าน (บริเวณอุตรดิตถ์กับพิษณุโลก) ได้ขยายอำนาจไปสถาปนาเมืองศรีสัชนาลัยกับเมืองสุโขทัย ขึ้นทางลุ่มน้ำยม นับเป็นต้นกำเนิดของรัฐสุโขทัย ที่มีพ่อขุนศรีนาวนำถุมเป็นกษัตริย์องค์แรก (เท่าที่พบหลักฐานขณะนี้)
ข้อความในจารึกบอกขอบเขตความสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรมกับบ้านเมืองแว่นแคว้นอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบตามทิศทางต่างๆ ซึ่งส่วนหนึ่งหาหลักฐานไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน แต่บางแห่งรู้ได้ เช่น เมืองฉอด (น่าจะกินบริเวณตั้งแต่ อ. แม่สอด จ. ตาก จนลึกเข้าไปในแดนพม่าฝั่งแม่น้ำเมียวดี) เมืองลำพูน (จ. ลำพูน) เมืองเชียงแสน (ใน จ. เชียงราย) เมืองพะเยา (จ. พะเยา)
ต่อจากนั้นจารึกมีข้อความเล่าเรื่องพ่อขุนผาเมืองกับเหตุการณ์วุ่นวายภายในกรุงสุโขทัย
เนื้อหาจารึกวัดศรีชุม
ข้อความในจารึกวัดศรีชุม เป็นคำบอกเล่าของเจ้านายองค์หนึ่ง สมัยนั้นมีนามในจารึกว่า “สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีฯ” หรือจะเรียกย่อๆ ต่อไปว่า “ท่านศรีศรัทธา” ซึ่งมีชาติตระกูลเป็น “หลาน” ของพ่อขุนผาเมือง บวชเป็นภิกษุแล้วได้จาริกแสวงบุญไปประทับจำพรรษาอยู่ลังกาทวีปราว 10 ปี จนได้รับการยกย่องจากชาวสิงหลด้วยนามดังกล่าว จากนั้นเดินทางกลับแคว้นสุโขทัยตามเดิม
เมื่อกลับจากลังกาทวีปมาประทับอยู่เมืองใดเมืองหนึ่งของรัฐสุโขทัยซึ่งท่านศรีศรัทธาน่าจะอายุสูงมากแล้ว ได้เล่าเรื่องและประสบการณ์ต่างๆ ในอดีตให้ญาติโยมฟัง จะเรียกว่าเทศนาก็ได้ แล้วมีบุคคลกลุ่มหนึ่งจดไว้ ภายหลังได้เรียบเรียงสลักข้อความเทศนาลงบนแผ่นหินที่มีรูปแบบอย่างใบเสมา คือสิ่งที่ทุกวันนี้เรียก จารึกวัดศรีชุม
เนื้อหาสาระสำคัญของจารึกวัดศรีชุม คือยกย่องสรรเสริญบุญญาภินิหารของสมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีศรีรัตนลงกาทีปมหาสามี ที่เป็นหลานพ่อขุนผาเมือง นับเป็นเชื้อสายพ่อขุนศรีนาวนำถุม ผู้สถาปนาก่อตั้งรัฐสุโขทัยขึ้นมา
แต่มีรายละเอียดเคล้าคละปะปนอยู่ด้วยกัน จนบางตอนคลุมเครือเหลือจะกล่าวให้ชัดเจนได้ว่าอะไรเป็นอะไรแน่ ทำให้ผู้ศึกษาสมัยแรกๆ ต่างก็งุนงงสงสัยไปต่างๆ นานา
บางท่านถึงขนาดกล่าวว่า จารึกหลักนี้วิปริตผิดเพี้ยนก็มี แต่มีผู้รู้ศึกษาไว้แล้ว จับสาระสำคัญเป็นช่วงๆ ได้ราว 15 เรื่องต่อไปนี้
- อักษรตอนต้นชำรุดมาก แต่จับสาระสำคัญได้ว่า เกริ่นนำเรื่องไปลังกา
- เล่าประวัติพ่อขุนศรีนาวนำถุม ผู้สถาปนาเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัย
- เล่าเรื่องพ่อขุนผาเมืองกับพ่อขุนบางกลางหาวร่วมกันชิงเมืองสุโขทัยคืนจากขอม สบาดโขลญลำพง
- เล่าประวัติพ่อขุนผาเมือง แล้วกล่าวถึงพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่อขุนรามราช กับธรรมราชา กล่าวถึงพ่อขุนผาเมืองสร้างเจดีย์ไว้ในเมืองศรีสัชนาลัย
- เล่าเรื่องสรรเสริญ “หลานพ่อขุนผาเมือง” ชื่อ “สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีศรีรัตนลงกาทีปมหาสามี” ทำบุญทำทาน รักษาศีล และกระทำบางสิ่งบางอย่างทางศาสนาไว้ในเมืองต่างๆ เช่น ศรีรามเทพนคร ลังกาทวีป ฯลฯ
- เล่าประวัติสมเด็จพระมหาเถรฯ เมื่อยังหนุ่มมีความเก่งกล้าสามารถ เป็นนักรบบนหลังช้าง ได้กระทำยุทธหัตถีกับขุนจังครั้งหนึ่ง กับท้าวอีจานอีกครั้งหนึ่ง
- เล่าประวัติสมเด็จพระมหาเถรฯ ย้อนไปตั้งแต่รุ่นเยาว์ แล้วเจริญวัยขึ้น ครั้นอายุได้ 31 ปี ก็บังเกิดศรัทธา (จบข้อความด้านที่ 1 แล้วขึ้นด้านที่ 2) สละลูกเมียทรัพย์สมบัติเป็นทานแล้วออกบวช จาริกแสวงบุญบำเพ็ญกุศลสร้างถาวรวัตถุต่างๆ เช่น ศาลาวัด สะพาน ฯลฯ
- เล่าเรื่องสมเด็จพระมหาเถรฯ ไปปฏิสังขรณ์พระมหาธาตุหลวงที่ “ขอมเรียกพระธม” อยู่ “กลางนครพระกฤษณ์” ในป่าดงแห่งหนึ่ง แล้วสืบค้นหาพระพุทธรูปหินเก่าแก่มารวบรวมไว้ในที่แห่งหนึ่งเพื่อซ่อมแซม
- กล่าวถึงพระศรีรัตนมหาธาตุ ชื่อ “ศรีธาญกดกา” ในปาตลีบุตรนคร ใกล้ฝั่งน้ำอโนมานที
- กล่าวว่า พระกฤษณ์คือตนสมเด็จพระมหาเถรฯ เหมือนพระรามพระนารายณ์มาจุติ
- กล่าวถึงพระเจดีย์สูงใหญ่ มีรูปสลักหินห้าร้อยชาติ แต่ถูกทำลายด้วยคนกลุ่มหนึ่ง
- เล่าเรื่องสมเด็จพระมหาเถรฯ มาจากลังกา ซ่อม “พระเก้าท่าน” แล้วประดิษฐานพระธาตุ “สองลูก” จากลังกาลงที่นั้น
- เล่าเรื่องสมเด็จพระมหาเถรฯ เมื่ออยู่ในลังกา ได้ซ่อม “มหิยังคณมหาเจดีย์” แล้วมีพรรณนาปรากฏการณ์พระธาตุเสด็จปาฏิหาริย์
- กล่าวถึง “พระคีวาธาตุ” ที่ลังกากระทำปาฏิหาริย์ให้เห็นชาวสิงหลเคารพนับถือสมเด็จพระมหาเถรฯ ยิ่งนักว่าเป็น “หน่อพุทธางค์”
- เล่าเรื่องสมเด็จพระมหาเถรฯ เสด็จไปนมัสการพระมหาธาตุนอก “เมืองกำพไล” ในลังกา
นอกจากเรื่องอื่นๆ แล้ว จารึกวัดศรีชุมยังมีข้อความสำคัญมากเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของรัฐสุโขทัย คือเรื่องพ่อขุนศรีนาวนำถุม (พระราชบิดาของพ่อขุนผาเมือง) ผู้สถาปนากรุงสุโขทัยขึ้นมา ไม่ใช่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์อย่างที่ตำราเรียนประวัติศาสตร์ของราชการเขียนไว้
จารึกวัดศรีชุม คืออะไร? อยู่ที่ไหน?
ประวัติศาสตร์แรกสถาปนากรุงสุโขทัย ที่อธิบายมาทั้งหมดได้จากจารึกหลักเดียวเท่านั้น คือจารึกวัดศรีชุม ทำขึ้นก่อนจารึกอื่นใดในกรุงสุโขทัย มีประวัติการค้นพบดังนี้
จารึกวัดศรีชุมตัวอักษรไทย ภาษาไทย ไม่มีปีศักราชระบุไว้ แต่เมื่อพิจารณาจากข้อความบางตอนทำให้เชื่อว่าทำขึ้นหลัง พ.ศ. 1884 และเป็นไปได้ว่าทำขึ้นหลังการได้อำนาจครองรัฐสุโขทัยของพระมหาธรรมราชา (ลิไทย) เมื่อ พ.ศ. 1890
จารึกวัดศรีชุม สลักบนแผ่นหินดินดาน เป็นรูปใบเสมา มี 2 ด้าน (ชำรุดบางแห่ง) สูง 275 เซนติเมตร กว้าง 67 เซนติเมตร แผ่นหินหนา 8 เซนติเมตร
ยังไม่พบหลักฐานพอจะยืนยันว่าแต่เดิมจารึกหลักนี้ตั้งอยู่ที่ไหนแน่ แต่เมื่อ พ.ศ. 2430 ในแผ่นดินสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 พลโท พระยาสโมสรสรรพการ (ทัด ศิริสัมพันธ์) เมื่อครั้งยังเป็นหลวงสโมสรพลการ เป็นผู้ค้นพบในอุโมงค์มณฑปวัดศรีชุม เมืองสุโขทัย เลยเรียกชื่อว่า จารึกวัดศรีชุม แล้วถูกจัดเป็นลำดับที่ 2 ในบรรดาจารึกที่พบจากเมืองสุโขทัย จึงได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ 2 เพราะต้องให้เป็นรองจากศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ 1 จารึกพ่อขุนรามคำแหง
ผู้อ่านและตรวจสอบจารึกวัดศรีชุมเป็นคนแรกคือ ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส ที่เข้ามารับราชการเป็นบรรณารักษ์ใหญ่ หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร ที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเป็นสภานายก แล้วพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2467 (ดูในคำนำหนังสือ ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 1 สำนักนายกรัฐมนตรี พิมพ์ครั้งที่สอง พ.ศ. 2521)
ล่วงมาจนถึง พ.ศ. 2520 หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร เชิญผู้รู้ทางภาษาโบราณร่วมประชุมชำระจารึกวัดศรีชุม เพิ่มเติมจากที่ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ อ่านและตรวจสอบไว้ จนสำเร็จเมื่อ พ.ศ. 2523 แล้วพิมพ์ออกมาเผยแพร่ เมื่อ พ.ศ. 2523 นั้นเอง
[พรุ่งนี้อ่านรัฐสุโขทัยเปลี่ยนนโยบายการเมือง-การค้า ดูจากทิ้งมหายาน เปลี่ยนไปยกย่องเถรวาท]