มอบ ‘สกสค.จังหวัด’ ไกล่เกลี่ยหนี้ เจรจา ‘สหกรณ์ครูฯ-สถาบันการเงิน’ ปมพิษโควิด-19

มอบ ‘สกสค.จังหวัด’ ไกล่เกลี่ยหนี้ เจรจา ‘สหกรณ์ครูฯ-สถาบันการเงิน’ ปมพิษโควิด-19ทำแม่พิมพ์ไม่มีจ่าย

นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สกสค.ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 เช่นกัน เพราะเมื่อสมาชิกโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และโครงการการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) เสียชีวิต ทางครอบครัว และญาติ จะพบปัญหาการเข้ามาติดต่อประสานงานที่ยากมากขึ้น เนื่องจากมาตรการของรัฐที่กำหนดให้บุคลากร Work From Home ทำให้การติดต่อขอเอกสารต่างๆ จากทางราชการยุ่งยาก จึงสั่งการให้ สกสค.จังหวัดให้ความสะดวกกับสมาชิกเป็นกรณีพิเศษ และยืดหยุ่นมากที่สุด ที่สำคัญบุคลากรที่ปฏิบัติงานในสำนักงาน หรือทำงานในรูปแบบ Work From Home ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ เพราะผู้ที่มาติดต่อ สกสค.ในเวลานี้ คือผู้ที่เดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องอำนวยความสะดวกให้ได้มากที่สุด

“ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จนไม่สามารถหาเงินมาจ่ายเจ้าหนี้ได้ ผมมอบหมายให้ผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัด ไปประสานงาน ไกล่เกลี่ย และประวิงเวลาจ่ายหนี้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู และสถาบันการเงินอื่นๆ แล้ว พบว่าผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัด ทำงานได้ดี สามารถไกล่เกลี่ยหนี้สิน และช่วยเหลือครูที่เดือดร้อนได้” นายธนพร กล่าว
นายธนพรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สกสค.ยังพบเจ้าหน้าที่สังกัดกลุ่มงานบริหารทรัพย์สินและหนี้สิน สำนักบริหารทรัพย์สิน ติดเชื้อโควิด-19
ซึ่งก่อนหน้าที่จะทราบผล ได้จัดประชุม และพบปะเจ้าหน้าที่ ตลอดจนผู้บังคับบัญชาหลายราย สกสค.จึงสั่งปิดสำนักงาน สกสค.เพื่อหยุดให้บริการ 2 วัน วันที่ 6-7 พฤษภาคม และเปิดบริการในวันที่ 10 พฤษภาคม ระหว่างนั้น สกสค.จะทำความสะอาดอาคาร และฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ เพื่อสร้างความสบายใจให้ผู้ที่มาใช้บริการต่อไป

นายธนพรกล่าวว่า ส่วนการเรื่องทุจริตต่างๆ ใน สกสค.ขณะนี้ได้เอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลทุจริต กรณีอดีตผู้บริหาร สกสค.นำเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการ ช.พ.ค.ไปซื้อหุ้น บริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ในโครงการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชน บ้านป่าตอง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย ในราคาหุ้นละ 25 บาท รวมมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท กรณีนี้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด จำนวน 16 ราย ที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค.มีมติไล่ออกอดีตเลขาธิการ สกสค.ไปแล้ว ขณะนี้รอสำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องดำเนินคดี เช่นเดียวกับคดีการนำเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ กว่า 3,000 ล้านบาท ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับ บริษัท บิลเลี่ยนอินโนเวเท็ดกรุ๊ป จำกัด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ สกสค.รอสำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องดำเนินคดีเช่นกัน เพราะคดีนี้ ป.ป.ช.ชี้มูลทุจริตตั้งแต่ปี 2560 แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image