สพฐ.เล็งนำร่อง 7 วาระเร่งด่วน ‘ตรีนุช’ ในร.ร.คุณภาพ 349 แห่ง
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหารระดับสูง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้ติดตามการจัดการเรียนการสอน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งตนมอบหมายและแบ่งพื้นที่ให้ผู้บริหารในสังกัด สพฐ.รับผิดชอบติดตามนิเทศก์การสอนผ่านระบบออนไลน์ แม้ สพฐ.จะออกแบบการสอน 5 รูปแบบ คือ On-site,On-air, On-demand, Online และ On-hand ไว้ แต่ถ้าปฏิบัติจริงจะสามารถทำได้ดีหรือไม่ ดังนั้น การไปนิเทศก์และติดตามการสอน จะทำให้สพฐ.ได้รวบรวมข้อมูล เพื่อทราบปัญหาอุปสรรค และหาทางแก้ไขต่อไป เท่าที่รับฟังปัญหาการจัดการเรียนการสอน พบว่าส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้เรียนที่ไม่เพียงพอ เช่น ครอบครัวที่มีลูกหลายคน แต่มีเครื่องมือที่ใช้เรียนออนไลน์แค่เครื่องเดียว เป็นต้น ซึ่งตนได้แจ้งให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) โรงเรียน และครู ลงไปสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและนักเรียน เพราะครูไม่จำเป็นต้องสอนด้วยออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งครูอาจจะจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีที่หลากหลาย โดยครูต้องรู้ข้อมูลแวดล้อมของเด็กทุกคน เพื่อมาปรับวิธีการสอนให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมของเด็กด้วย
นายอัมพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบาย 7 วาระเร่งด่วน ของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่เกี่ยวข้องกับ สพฐ. เช่น ความปลอดภัยในสถานศึกษา หลักสูตรฐานสมรรถนะ การเรียนการสอนประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และการจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความจำเป็นพิเศษ ว่ามีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้างเพื่อให้การทำงานเดินหน้าตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ได้ จากที่ได้รับรายงานมาเบื้องต้น ไม่มีปัญหาอุปสรรคอะไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการตามแผนที่วางไว้ โดยสพฐ.วางแผนที่นำร่องนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการ ศธ. ในโรงเรียนคุณภาพ จำนวน 349 แห่ง
“สพฐ.ต้องการใช้วิกฤตโวคิด-19 พัฒนาการทำงานใหม่ เพราะตั้งแต่โควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ สพฐ.ต้องจำกัดคนเข้าทำงาน โดยให้บุคลากรส่วนใหญ่ทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ซึ่ง สพฐ.อยากเรียนรู้ว่าเมื่อให้บุคลากร Work from Home ประสิทธิภาพ คุณภาพการทำงานเป็นอย่างไร ถ้าคุณภาพงานยังดี อาจจะไม่ให้บุคลากรมาทำงานทุกวัน ซึ่งจะช่วยประหยัดค่ารถ ค่าใช้จ่ายของบุคลากรด้วย ผมได้มอบมหายให้ กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร (กพร.) และสำนักทดสอบทางการศึกษา (สทศ.) ไปทำวิจัยถึงผลดีผลเสียของการทำงานแบบ Work from Home ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานอื่น เพื่อสร้างนวัตกรรมการทำงานใหม่ด้วย” นายอัมพร กล่าว