เรียนไทยได้จีน : นิทานสุภาษิตจีน (229) 成语故事 (二二九)

เรียนไทยได้จีน : นิทานสุภาษิตจีน (229) 成语故事 (二二九)

นิทานสุภาษิตจีนที่ “เรียนไทยได้จีน” จะนำเสนอในครั้งนี้คือ 安居乐业 /安居樂業 ān jū lè yè (อาน จวี เล่อ เย่) โดย คำว่า 安ān (อาน) แปลว่า ความสงบสุข  居jū (จวี) แปลว่า บ้าน ที่อยู่อาศัย 乐/樂lè (เล่อ) แปลว่า ความสุข 业/業 yè (เย่) แปลว่า งาน กิจการ เมื่อรวมกันแล้วหมายถึง มีบ้านอยู่อย่างสงบสุข มีงานทำอย่างสบายใจ ใช้อธิบายถึงภาวะความสุขที่คนๆหนึ่งพึงจะมีได้คือมีบ้านที่อบอุ่นอยู่อาศัย ทำงานที่มั่นคงและมีความสุข

จีนในช่วงราชวงศ์โจวตะวันออก 东周/東周 Dōnɡzhōu (ประมาณช่วง 770-256 ก่อนปี ค.ศ.) อำนาจแห่งรัฐศูนย์กลางอ่อนแอยิ่ง ทำให้บรรดาเจ้าผู้ครองนครรัฐต่างๆ เกิดความแตกแยก ต่างรัฐต่างเมือง ต่างก็แย่งชิงความเป็นใหญ่ ทำให้สังคมเกิดความวุ่นวายมิหยุดหย่อนเป็นเวลากว่าห้าร้อยปี โดยในช่วงต้นแห่งการเกิดความแตกแยกเรียกยุคนี้ว่ายุคชุนชิว 春秋 Chūnqiū และช่วงปลายคือยุคแห่งการศึกการรวมตัวกันใหม่ เรียกยุคนี้ว่ายุคจ้านกั๋ว หรือยุครัฐศึก 战国/戰國 Zhàn Guó สุภาษิตคำนี้เกิดขึ้นในช่วงชุนชิว เป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวคิดการดำรงชีวิตตามวิถีอันเป็นสุขของนักปราชญ์เหลาจื่อ 老子 Lǎozi เล่าจื้อ ผู้ให้กำเนิดลัทธิเต๋านั่นเอง

เกี่ยวกับเหลาจื่อมีเรื่องเล่าว่า ในยามเด็กมีความแปลกประหลาดจากเด็กทั่วไป โดยเขาเป็นคนมีผมขาว แลดูแก่ตั้งแต่เยาว์วัย จึงมีคนเรียกเขาว่า เหลาจื่อ 老子 แต่ความจริงเขาไม่ได้ชื่อนี้ มีคนเชื่อว่าเขาเกิดที่ใต้ต้นหลี่ 李 Lǐ จึงมีนามสกุลว่าหลี่ และเขาเป็นเด็กที่มีใบหูกว้างใหญ่และยาวกว่าคนทั่วไป จึงมีชื่อว่า เอ่อร์ 耳 ěr แปลว่าใบหู เมื่อรวมกันจึงชื่อว่าหลีเอ่อร์ 李耳 (Lǐ ěr) แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามผู้คนก็นิยมเรียกเขาว่าเหลาจื่อ เหลาจื่อเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้งและแปลกแตกต่างจากผู้คนทั่วไป จึงได้รับความเคารพนับถือมาก ในช่วงที่เหลาจื่อมีชีวิตอยู่นั้น เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทางสังคมบ้านเมืองวุ่นวาย ผู้คนจิตใจตกต่ำ เขาจึงมีแนวคิดอยากให้สังคมกลับไปเป็นแบบเดิมตามวิถี

Advertisement

ที่มาภาพ:https://image.baidu.com/search

บรรพบุรุษโบราณ นั่นก็คือ เขาอยากมีสังคมเล็กๆ ผู้คนอาศัยอยู่ร่วมกันแบบธรรมชาติ ไม่มีสงคราม ไม่มีการค้าขาย ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นต่อกัน ไม่มีผู้นำ และไม่มีผู้ตาม ไร้สงคราม และการอพยพ ผู้คนรักใคร่กัน แต่ไม่ไปมาหาสู่กันให้วุ่นวาย สรรพสิ่งรอบตัวก็ให้มันเกิดแก่ และตายตามวิถีแห่งธรรมชาติ คนไม่ต้องเข้าไปขัดขวางแก้ไขหรือยึดครองมัน ต่างคนต่างอยู่ในชุมชนใครชุมชนมัน สังคมที่เขาวาดหวังคือสังคมที่อาจย้อนกลับสู่ยุคมนุษย์ที่เพิ่งก้าวพ้นความเป็นสัตว์วานรมานั่นเอง ความคิดด้านสังคมสงบสุขของเขาต่อมาจึงกลายเป็นสุภาษิตที่ว่าอยู่อย่างร่มเย็น ประกอบอาชีพอย่างมีความสุข

ข้อคิดจากประโยคสุภาษิตนี้

Advertisement

成语比喻:安定愉快地生活和劳动。

成語比喻:安定愉快地生活和勞動。

Chénɡyǔ bǐyù:Āndìnɡ yúkuài de shēnɡhuó hé láodònɡ.

เฉิงยหวี่ ปี่ยวี่ :  อานติ้ง หยวีไขว้ เตอะ เฌิงหัว เหอ เหลาโต้ง

สุภาษิตเปรียบว่า การใช้ชีวิตและทำงานอย่างสงบและมีความสุข

ประโยคตัวอย่างที่ใช้สำนวนสุภาษิตนี้ เช่น

在这新蒄病毒危机的时期,想要过着安居乐业的生活,真是很难啊!

在這新蒄病毒危機的時期,想要過着安居樂業的生活,眞是很難啊!

Zài zhè xīnɡuān bìnɡdú wéijī de shíqí,xiǎnɡyào ɡuòzhe ānjūlèyè de shēnɡhuó, zhēnshi hěn nán ɑ!

จ้าย เจ้อ ซินกวาน ปิ้งตู๋ เหวยจี เตอะ ฉือชี, เสี่ยงเหย้า กั้วเจอะ อานจวีเล่อเย่ เตอะ เฌิงหัว, เจินฉื้อ เหิ่น หนาน อา

ในช่วงสถานการณ์วิกฤตไวรัสโววิด-19 นี้ ช่างเป็นเรื่องยากมากที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและทำงานอย่างสบายใจ!

 

 

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image