25 มหาวิทยาลัย เปิดลงทะเบียน เรียนข้ามสถาบัน
ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ หลัง 25 มหาวิทยาลัย จับมือทลายกำแพง เปิดลงทะเบียนเรียนข้ามสถาบันระหว่างสถาบันสมาชิกของที่ประชุมคณะผู้บริหารบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐและมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ (ทคบร.)
ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยทักษิณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
โดย นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ระบุว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นการพัฒนากลไกใหม่ เพื่อปลดล็อกปัญหาและอุปสรรคของมหาวิทยาลัย เกิดขึ้นโดยความเห็นชอบของอธิการบดีทั้ง 25 สถาบัน นำนโยบายของ อว. ด้านระบบคลังหน่วยกิตและการใช้ทรัพยากรร่วมกันมาสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อนักศึกษาที่ควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด มีโอกาสเสาะแสวงหาความรู้ตามรายวิชาที่สนใจและได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายจากมหาวิทยาลัยที่ต่างก็มีของดีและความเป็นเลิศที่แตกต่างกัน
ขณะที่มหาวิทยาลัยยังได้รับประโยชน์จากการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลและองค์ความรู้ระหว่างมหาวิทยาลัย เป็นการสนธิกำลังกันให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการจัดการศึกษาของประเทศ
ทั้ง 25 สถาบันการศึกษา มีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ด้วยการเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษาสามารถลงทะเบียนเรียนรายวิชาข้ามสถาบันและสามารถใช้หน่วยกิตของรายวิชาดังกล่าวให้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยกิตในหลักสูตรที่นักศึกษากำลังศึกษาได้ รวมทั้งสามารถนำไปอยู่ในระบบคลังหน่วยกิตสะสมได้ตามข้อกำหนดของแต่ละสถาบัน เพื่อเป็นการส่งเสริมประสบการณ์ทางวิชาการสังคมแก่นิสิต นักศึกษา นพ.สิริฤกษ์ กล่าว
ความร่วมมือครั้งนี้จะเริ่มนำร่อง ปีการศึกษา 2565 ในระดับปริญญาตรี ก่อนพัฒนาไปในระดับปริญญาโทและเอก ซึ่งคงต้องรอดูข้อดี ข้อเสีย และความพร้อมของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง ที่คงต้องปรับตัวกันขนานใหญ่ เพราะนอกจากภารกิจดูและนักศึกษาของตัวเองแล้ว ยังมีนักศึกษาต่างสถาบันเข้ามาเรียนร่วม การควบคุมตลาดวิชาจึงเป็นเรื่องที่น่าคิดว่า ทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ให้เกิดการแย่งนักศึกษาต่างสถาบันเข้าเรียนเพื่อเพิ่มรายได้เข้ามหาวิทยาลัยเท่านั้น โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่เป็นเหมือนแม่เหล็ก ย่อมได้เปรียบแน่นอน
ลองมาฟังเสียงนักศึกษาต่อกำแพงมหาวิทยาลัยที่ทลายลงครั้งนี้
นายวันชัย ติวสูงเนิน นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ปี 3 ประธานสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เห็นว่า นักศึกษาได้ประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นักศึกษาที่มีความสนใจการเรียนการสอน หรือรายวิชาใดที่มีความน่าสนใจที่เปิดสอนใน 25 สถาบันนั้น ก็สามารถลงเรียนได้ ทั้งนี้ แต่ละมหาวิทยาลัยก็มีจุดแข็งจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ทำให้นักศึกษามีตัวเลือกมากขึ้น
นอกจากประโยชน์ส่วนตัวที่นักศึกษาได้เรียนและศึกษาในรายวิชาที่ตนสนใจแล้ว ยังได้เพื่อนต่างสถาบันอีกด้วย เพราะการเรียนต้องมีการทำความรู้จักกันแนะนำตัว ถึงแม้ขณะนี้จะเป็นการเรียนรูปแบบออนไลน์ก็ตาม และท้ายที่สุดมองว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของการศึกษาอุดมศึกษาที่จากเดิมลงทะเบียนเรียนภายในคณะ สาขาวิชาที่ตนเองสมัครเรียนแต่เมื่อเรียนไปแล้วมีความสนใจศาสตร์ใด วิชาใดขึ้นมา ก็สามารถแสวงหารายวิชาหรือหลักสูตรที่สนใจมาเรียนได้และจะสร้างความหลากหลายทางความรู้หรือองค์ความรู้ให้กับนักศึกษาต่อไป
ส่วนแนวทางการดำเนินการในลักษณะแบบนี้ สามารถดำเนินการได้ เพราะปัจจุบันการเรียนออนไลน์ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้พิสูจน์แล้วว่า การเรียนการศึกษาไม่จำเป็นต้องนั่งฟังบรรยายในห้องเสมอไป ดังนั้น มีความเป็นไปได้สูงหาก 25 สถาบันนี้จัดทำระบบการเรียนการสอนที่มีเสถียรภาพและสามารถรองรับการเข้าเรียนแบบออนไลน์จากนักศึกษาทั้ง 25 สถาบันพร้อมๆ กันได้ และในอนาคตหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดีขึ้นการเดินทางไปเรียนในที่ตั้งและเรียนเฉพาะวิชาที่ตนเองสนใจก็อาจจะเป็นตัวเลือกสำรอง เพราะแต่ละสถาบันการเดินทาง รวมถึงกายภาพของห้องเรียนแต่ละแห่งอาจจะไม่เอื้ออำนวยได้
หากการเรียนข้ามสถาบันใช้วิธีการลงทะเบียนและการเรียนการสอนแบบออนไลน์ก็จะมีความเป็นไปได้สูงมากและก็ถือว่าการเรียนข้ามสถาบันแบบออนไลน์ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของมหาวิทยาลัย ที่ต้องเตรียมความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีสิ่งสนับสนุนต่างๆ บุคลากร ครู อาจารย์ ก็ต้องมีการปรับตัวเช่นเดียวกัน เพื่อรองรับการเปลี่ยนและความเจริญทางด้านการศึกษาที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นายวันชัยกล่าว
ขณะที่ นายไตรภาคีย์ ด้วงสา นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ในสภาพการศึกษาตอนนี้การเรียนข้ามสถาบันน่าสนใจ และสมควรที่จะมีอยู่ในปริญญาตรี ที่เห็นได้ชัดก็คือว่าปัจจุบันนักศึกษาที่จบออกไป มีแนวโน้มที่จะทำงานไม่ตรงกับที่เรียน การเปิดโอกาสให้เรียนข้ามสถาบันในสาขาที่สนใจ ถือเป็นการเพิ่มโอกาสเรียนรู้ ให้สามารถเลือกเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างตนเองสนใจเรื่องดิจิทัล การตัดต่อ แต่ที่ ม.อ.หาดใหญ่ ไม่มีรายวิชานี้ให้ลงเรียน ก็อาจเลือกเรียนในสถาบันอื่นที่เปิดสอนได้
ขณะที่ นายณัฐพล เลาหวิริยะกมล นักศึกษาปริญญาโท ภาควิชาบริหารธุรกิจ ม.อ. วิทยาเขตหาดใหญ่ กล่าวว่า การเรียนข้ามสถาบันได้ เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะแต่ละสถาบันมีจุดเด่นต่างกัน เพิ่มช่องทางการเรียนรู้ เป็นทางเลือกในการเพิ่มทักษะและประสบการณ์แก่นักศึกษาได้เป็นอย่างดี ส่วนตัวสนใจ อยากลงทะเบียนเรียนหลักสูตรปริญญาบริหารธุรกิจ ของ ม.ธรรมศาสตร์
ปิดท้ายที่ นายธนาธร วิทยเบญจางค์ หรือเต้ นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ ในฐานะรองนายกสโมสรนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ส.มช.) กล่าวว่า ต้องดูหลักเกณฑ์ รวมถึงข้อดี ข้อเสีย ของการเรียนรูปแบบดังกล่าวก่อน เนื่องจากนักศึกษาคุ้นเคยกับการเรียนที่สถาบันเดิมอยู่แล้ว หากต้องการเรียนข้ามสถาบันถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ขึ้นอยู่กับความสมัครใจและความสะดวกของแต่ละคน ส่วนตัวไม่ได้ให้ความสำคัญเรียนข้ามสถาบันมากนัก แต่สนใจและผลักดันเรื่องการลดค่าเทอมในภาคเรียนที่ 2/2564 เพราะมหาวิทยาลัยประกาศลดค่าเทอมเพียง 20% อยากให้เพิ่มเป็น 50% เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ปกครองและค่าใช้จ่ายครอบครัวมากกว่า เพราะไม่แน่ใจว่า หากเรียนข้ามสถาบันแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไร
จากนี้คงต้องจับตาดู ปรากฏการณ์ตลาดวิชาครั้งใหม่ของอุดมศึกษาไทย ที่ไร้กรอบ ไร้กำแพงกั้น ว่าสุดท้ายปลายทางแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อคุณภาพการศึกษา หรือแค่เพิ่มช่องทางหารายได้ให้มหาลัยเท่านั้น …
