ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ศาลาสหทัยสมาคม มีความเป็นมายาวนาน เดิมเป็นพื้นที่ “โรงหล่อ” สันนิษฐานว่าเป็นที่หล่อวัตถุสำคัญๆ เช่น ระฆังที่ประดิษฐาน ณ หอระฆังวัดพระศรีรัตนศาสดารามในสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นต้น กระทั่งสมัยรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้รื้อโรงหล่อเพื่อสร้างสโมสรมหาดเล็กตามแบบสโมสรที่ได้ทอดพระเนตรมาตั้งแต่ครั้งเสด็จพระราชดำเนินเกาะชวาที่เมืองปะเตเวีย (ปัตตาเวีย) โดยเรียกว่า “หอคองคอเดีย”
ครั้น พ.ศ.2418 โปรดเกล้าฯ ให้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เรียกว่า “มิวเซียม” พร้อมทั้งใส่ประตูหน้าต่างที่เฉลียงให้กลายเป็นห้องโถง และให้กองทหารช่างมหาดเล็กรักษาพระองค์รวบรวมสิ่งของประดับตกแต่งและรักษาความสะอาดในพิพิธภัณฑ์อีกอย่างหนึ่งด้วย
ต่อมามิวเซียมแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “หอศัลลักษณสถาน” และ “หอพระสมุดวชิรญาณ” ตามลำดับ และเมื่อหอสมุดวชิรญาณย้ายออกไปแล้ว จึงใช้ในกิจการของพระราชวัง โดยเปลี่ยนชื่อเป็น “ศาลาสหทัยสมาคม”
รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นอาคารชั้นเดียวแบบตะวันตก ผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทอดยาวไปตามทิศตะวันออกถึงตะวันตก ทางเข้าอาคารสำคัญอยู่ทางด้านทิศเหนือโดยทำเป็นมุขยื่นออกมาจากผนังด้วยเสาลอยตัวและเน้นด้วยประตูทางเข้าต่อเนื่องกัน 3 ประตู
ส่วนทางเข้ารองมีทั้งด้านทิศตะวันออกและตะวันตก แต่ละประตูมีบันได 5 ขั้น ปูด้วยหินอ่อน หลังคาทรงปั้นหยาอยู่ส่วนกลางของอาคารมุงด้วยกระเบื้อง
ข้อมูลและภาพถ่ายเก่าจากหนังสือ “สถาปัตยกรรมพระบรมมหาราชวัง เล่ม 1”