“วันปิยมหาราช” : ชมพระบรมฉายาลักษณ์ “สุดท้าย” ร.5 พร้อมลำดับพระอาการก่อนสวรรคตไม่ถึงสัปดาห์

ภาพประกอบข่าววันสวรรคตรัชกาลที่ 5 จากหนังสือพิมพ์ L'ILLUSTRATION วันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ.1910 ซึ่งเป็นภาพพระราชกรณียกิจระหว่างการเสด็จประพาสยุโรปครั้งหลัง ใน ค.ศ.1907

23 ตุลาคม พุทธศักราช 2453 เป็นวันแห่งความวิปโยคของชาวสยามทั้งแผ่นดิน เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต โดยทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานถึง 42 ปี

ไกรฤกษ์ นานา นักวิชาการอิสระ และนักเขียนชื่อดังได้เรียบเรียงลำดับพระอาการ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่ทรงมีพระอาการประชวรว่า ภายหลังทรงขับรถไฟฟ้าออกไปประพาสฟาร์มเลี้ยงไก่ที่ทุ่งพญาไท แต่มิได้เสด็จลงจากรถพระที่นั่ง รับสั่งว่า “ท้องไม่ค่อยสบายจะรีบกลับ”

ต่อมา ระหว่าง 17-19 ตุลาคม มีงานบำเพ็ญพระราชกุศลประจำปีถวายรัชกาลที่ 4 ในพระบรมมหาราชวัง แต่เนื่องจากพระนาภี (ท้อง) ยังไม่ปกติ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมฯ เสด็จแทน

วันที่ 20 ตุลาคม พระอาการกำเริบหนักขึ้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถมีรับสั่งให้ตามหมอฝรั่ง มีนายแพทย์เบอร์เมอร์ นายแพทย์ไรเตอร์ และนายแพทย์ปัวซ์ เข้ามารักษา และอยู่เฝ้าอาการประจำ

Advertisement

วันที่ 21 ตุลาคม เวลาย่ำรุ่งบรรทมตื่น ตรัสว่าพระศอแห้ง แล้วเสวยพระสาธุรสเย็น รับสั่งว่าอยากจะเสวยอะไรให้ชุ่มพระศอ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ถวายน้ำเงาะคั้น 1 ลูก พอเสวยได้ครู่เดียวก็ทรงพระอาเจียนออกมาหมด ในวันนี้ทรงพระราชดำรัสเพียง 2 ประโยคว่า

“การเจ็บครั้งนี้จะรักษากันอย่างไร ก็ให้รักษาเถิด” และ “การรักษาเดี๋ยวนี้เป็นอย่างใหม่เสียแล้ว”

ตอนค่ำวันนี้มีพระบังคนเบา (ปัสสาวะ) ประมาณ 1 ช้อนชา และเป็น “ครั้งสุดท้าย”

วันที่ 22 ตุลาคม พิษของพระบังคนเบาซึมไปตามเส้นพระโลหิตทั่วพระองค์ ทำให้มีพระอาการเซื่องซึมบรรทมหลับอยู่เสมอ

วันนี้พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ แพทย์แผนไทย มาเข้าเฝ้าเพื่อตรวจพระอาการ ทรงพระราชดำรัสเป็น “ครั้งสุดท้าย” ว่า “หมอมาหรือ” แล้วก็มิได้รับสั่งอะไรอีกต่อไป

เย็นวันนี้พระหทัยเต้นอ่อนลง ลืมพระเนตรได้ แต่หายพระทัยทางพระโอษฐ์ พ่นแรงๆ จนเห็นพระมัสสุไหวได้แต่ไกล

สมเด็จพระบรมราชินีนาถกราบทูลว่า เสวยน้ำ ยังทรงพยักพระพักตร์ได้ แล้วยกพระหัตถ์ขวาและซ้ายที่สั่นขึ้นเช็ดน้ำพระเนตรคล้ายทรงพระกันแสง แบบน้อยพระทัยพระองค์เองว่าทำไมหมดเรี่ยวแรง

หลัง 2 ยามเพียง 45  นาทีก็เสด็จสวรรคตในลักษณะที่ยังบรรทมหลับอยู่

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตด้วยพระโรคพระวักกะ (ไต) พิการ บนชั้นที่ 3 พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต สิริรวมพระชนมพรรษา 57 พรรษา

พระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งทรงฉายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสวรรคตไม่ถึงสัปดาห์ หลังประชวรด้วยโรคพระวักกะ (ไต) พิการมา 5 ปี (ภาพและคำอธิบายจากนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 29 ฉบับที่ 1 เดือนพฤศจิกายน 2550
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image