‘ศานนท์’ ย้ำปักธงให้ชัด การศึกษาไม่สำคัญเท่า ‘เรียนรู้’ เริ่มมิติใหม่ ร.ร.กทม.เทอม 2 นี้

ศานนท์ ย้ำต้องปักธงให้ชัด การศึกษาไม่สำคัญเท่า ‘การเรียนรู้’ เดินหน้าโครงการ Open Education เปิดมิติใหม่ ร.ร.กทม.เริ่มภาคเรียนที่ 2/2565

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ห้องนพรัตน์ ชั้น 5 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในการประชุมโครงการ Open Education โดยความร่วมมือระหว่างสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร กับมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ (Saturday School Foundation) และสมาคม Thai Startup เพื่อวางแผนดำเนินงานในการออกแบบการเรียนรู้ให้กับนักเรียนทุกคน โดยมี นางชุลีพร วงษ์พิพัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และผู้แทนสมาชิกของสมาคม Thai Startup ที่เป็นผู้จัดทำระบบจัดการเรียนการสอนและคอร์สเรียนออนไลน์ ได้แก่ Globish, Frog Genius, Classwin, Monkey Everyday และ Notero ร่วมประชุมรับฟังนโยบายและการดำเนินการ พร้อมทั้งประชุมผ่านระบบทางไกล

นายศานนท์กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่เราได้ภาคีเครือข่ายมาร่วมกันเปลี่ยนแปลง การศึกษาทำได้หลายอย่าง ซึ่งมีหลายมุมมองและวิธีการที่จะพัฒนา เราต้องปักธงให้ชัดเจนและเข้าใจตรงกัน การศึกษาไม่สำคัญเท่ากับการเรียนรู้ คือการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ภาพรวมทั้งหมด เพราะฉะนั้น การที่สำนักการศึกษาจะออกแบบการเรียนรู้ให้กับนักเรียนทุกคนจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องคิดว่าตลอดเวลาของเด็ก 1 คน เขาต้องเจอกับอะไรบ้าง และจะมีวิธีการเรียนรู้ในห้องเรียน นอกห้องเรียน อยู่ที่บ้าน หรือวันเสาร์-อาทิตย์อย่างไร

สำหรับโครงการ Open Education เป็นโครงการที่มุ่งเติมเต็มการเรียนรู้ของนักเรียนในสังกัด กทม.ผ่านการร่วมมือกับภาคเอกชนและประชาสังคม ในการแบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญให้แก่นักเรียนและโรงเรียน โดยเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร คณะทำงานนโยบายการศึกษา และภาคีเครือข่ายต่างๆ ซึ่งโครงการนี้จะนำอาสาสมัคร ครูผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก จัดการเรียนการสอน จัดกิจกรรมให้กับนักเรียนตามหัวข้อและวิชาที่นักเรียนสนใจและต้องการ โดยจะมีแบบสำรวจโครงการ Open Education เพื่อสำรวจความต้องการของโรงเรียนในการรับการสนับสนุนการจัดหามาสอนนักเรียนและคุณครู ในโครงการ Open Education ปีการศึกษา 2565 ทั้งนี้ กิจกรรมทั้งหมดจะเริ่มในภาคการศึกษาที่ 2/2565 โดยรูปแบบกิจกรรมจะมีทั้งหมด 4 รูปแบบด้วยกัน คือ

Advertisement

1.การเปิดห้องเรียนวิชานอกห้องเรียนในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ห้องเรียนที่เปิดจะเน้นการสอนวิชาที่ปกติแล้วไม่มีสอนในโรงเรียน เช่น ภาษา ดนตรี กีฬา สื่อ ฯลฯ ผ่านรูปแบบการสอนแบบ Active Learning โดยจะมีการสรรหาและอบรมประชาชนทั่วไปที่มีความรู้ในด้านวิชาที่ทางโรงเรียนต้องการให้พร้อมสำหรับการสอนนักเรียน อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 10 สัปดาห์ โดยปกติแล้ว หนึ่งห้องเรียนจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการสอน ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สถานที่เรียนจะเป็นห้องเรียนที่โรงเรียน

2.การเปิดห้องเรียนวิชานอกห้องเรียนหลังเลิกเรียน ซึ่งมีด้วยกัน 2 รูปแบบหลัก คือ 1.ทางคณะทำงานจะสรรหาและอบรมประชาชนทั่วไปที่มีความรู้ในด้านวิชาที่ทางโรงเรียนต้องการให้พร้อมสำหรับการสอนนักเรียนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 10 สัปดาห์ 2.นำ Platform การเรียนรู้ในสาระวิชาต่างๆ ให้ครูและนักเรียนได้ใช้ในการจัดการเรียนรู้

3.กิจกรรมวิชาชีพเลือกเสรี โดยนำข้อมูลความต้องการจากทุกโรงเรียนไปใช้ในการสรรหาองค์กรเอกชนที่สามารถช่วยเสริมทักษะทางวิชาชีพให้นักเรียนได้ รูปแบบอาจขึ้นอยู่กับองค์กรและวิชาชีพที่เลือก อาจมีพนักงานจากองค์กรเข้าไปเป็นวิทยากรรับเชิญ อาจมีการสร้างหลักสูตรและอบรมคุณครูเพื่อนำไปสอนนักเรียนต่อ มีแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์เกี่ยวกับวิชาชีพต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละองค์กร

Advertisement

4.ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เป็นครู การสรรหาอาสาสมัครและร่วมมือกับภาคเอกชนในการนำผู้เชี่ยวชาญมาเป็นผู้ช่วยครู เพื่อสนับสนุนการสอนวิชาในหลักสูตรที่อาจจำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากกว่าคุณครู นอกจากการมีผู้ช่วยครูแบบ Onsite แล้ว จะมีแพลตฟอร์มการเรียนรู้ต่างๆ ที่สามารถเสริมความรู้และทักษะสำหรับวิชาในหลักสูตรอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังสำรวจความต้องการของโรงเรียนในการรับ Digital Talent เพื่อเข้าไปช่วยเรื่องเทคโนโลยีอีกด้วย ตามที่ทางสำนักการศึกษามีนโยบายให้โรงเรียนเริ่มใช้ระบบ BEMIS ในการเป็นระบบฐานข้อมูลกลาง ซึ่งแต่ละโรงเรียนอาจมีบุคลากรที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน จึงมีการสร้างระบบอาสาสมัครที่จะเข้ามาช่วยโรงเรียนในการใช้ระบบ BEMIS โดย Digital Talent หนึ่งคนจะดูแลโรงเรียนประมาณ 5 โรงเรียน

“Open Education เป็นโครงการที่ผมคิดว่าสำคัญมากๆ เพราะเป็นการเปิดการศึกษาให้มากกว่าในห้องเรียน อยากให้มองการเรียนรู้ว่ามีความสำคัญแค่ไหน อยากให้เปิดการเรียนรู้ทั้งหมด ซึ่งโครงการ Open Education เพียง 1 โครงการ สามารถครอบคลุมนโยบายด้านการศึกษาทั้งหมด 6 ข้อ คือ 1.After School Program ซึ่งหลายๆ โรงเรียนได้จัดทำอยู่แล้ว คือ การเรียนรู้หลังเลิกเรียน 2.การเปิดโรงเรียนเป็นพื้นที่กิจกรรม 3.พี่สอนน้องนอกเวลาเรียน 4.วิชาเลือกเสรี 5.ผู้ช่วยครูเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และ 6.Digital Talent นับเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำให้ได้ ซึ่งหลายภาคีเครือข่ายทำอยู่แล้ว และได้นำมาร่วมใช้กับ กทม. ถ้ามีความร่วมมือ หรือสามารถพัฒนาด้านใด กทม.ยินดีเป็นอย่างยิ่ง” นายศานนท์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image