| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|
นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการเข้าสู่ตำแหน่งของรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษาใหม่นั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เสนอร่างหลักเกณฑ์การสรรหาบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งดังกล่าว ให้ พล.อ.ดาว์พงษ์พิจารณาว่าสอดคล้องกับนโยบายที่มอบหมายมาหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา พล.อ.ดาว์พงษ์เห็นว่าหลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ดูจากวุฒิการศึกษา และการสอบข้อเขียน ซึ่งยังไม่เพียงพอ และอยากให้เกณฑ์การประเมินใหม่มีมากกว่าการสอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาว่าผู้บริหารสถานศึกษาประสบการณ์ไม่พอ ใครทำข้อสอบได้ก็ได้เลื่อนตำแหน่งเร็ว และบางคนไม่เคยมีประสบการณ์เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเล็กมาก่อน แต่ทำข้อสอบได้ก็ข้ามไปเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดใหญ่เลย
“หลักเกณฑ์ปัจจุบันกำหนดคุณสมบัติ เฉพาะตำแหน่งสำหรับการเข้าสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา เปิดกว้างให้ครูที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าครูชำนาญการ สอบเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษาได้ เท่ากับว่าหากจบปริญญาตรี เมื่อเป็นครูผู้ช่วย 2 ปี และทำงานอีก 6 ปี ก็สอบเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษาได้ หากจบปริญญาโท จะใช้เวลารวมเพียง 6 ปี แต่หากจบปริญญาเอก จะใช้เวลาเพียง 4 ปี ทำเกิดปัญหา ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารงาน เพราะคนที่อยากขึ้นเป็นผู้บริหารบางคน มุ่งเอาแต่เรียนอย่างเดียวเพื่อให้สอบได้ โดยร่างหลักเกณฑ์คุณสมบัติใหม่กำหนดว่าผู้ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการ สถานศึกษา จะไม่ใช้วิธีสอบข้อเขียนอย่างเดียว แต่จะต้องพิจารณาประสบการณ์ด้านบริหารประกอบด้วย และระบุชัดเจนว่าต้องอยู่ในตำแหน่งครูมาแล้วกี่ปี หรือต้องผ่านตำแหน่งรองผู้อำนวยการ สถานศึกษามาไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยในส่วนของการเข้าสู่ตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ที่จูงใจ ให้ครูเลือกผ่านเส้นทางการเป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษามาก่อน”นายพินิจศักดิ์กล่าว
