เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียน ครั้งที่ 13 โดยมีรัฐมนตรีว่าการศธ.จากประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป. ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สิงคโปร์ และไทย ร่วมประชุม รวมถึงมีผู้แทนจากติมอร์-เลสเต เข้าร่วมสังเกตการณ์ และผู้แทนพันธมิตรความร่วมมือด้านการศึกษาของอาเซียน เข้าร่วมการประชุม รวมกว่า 100 คน นั้น ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า ความร่วมมือในการจัดการศึกษาในยุคดิจิทัลจะช่วยตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ถือเป็นโอกาสสำคัญในการรับฟังความคิดเห็นจากรัฐมนตรีด้านการศึกษาในอาเซียนเพื่อพลิกโฉมการศึกษาในยุคดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการศึกษาให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางดิจิทัลอาจนำมาซึ่งความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่อาเซียนต้องพิจารณา เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้ทุกคนอย่างเท่าเทียม ขณะเดียวกัน การพัฒนาทักษะของผู้เรียนให้สอดคล้องกับการทำงานในยุคดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เช่น ทักษะในการคิดวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหา และการใช้เทคโนโลยี ที่ประชุมยังได้รับทราบการรายงานผลลัพธ์การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียน ครั้งที่ 18 และครั้งที่ 19 ของประเทศต่าง ๆ โดยไทยในฐานะประธานการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการศึกษาของอาเซียนครั้งที่ 19 ได้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านการศึกษาของอาเซียน ปี ค.ศ. 2021-2025 ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปถึง 90% โดยมีโครงการสำคัญรวมทั้งหมด 114 โครงการ
รัฐมนตรีว่าการศธ. กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันตนยังได้กล่าวถ้อยแถลงที่มุ่งเน้นสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025 เพื่อการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ด้วยการปรับปรุงคุณภาพชีวิตผ่านกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในบริบทของโลกใหม่ รัฐบาลไทยกำหนดนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” เพื่อยกระดับประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลและเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยมีเป้าหมายในการปฏิรูปการศึกษาให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก ไทยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของนักเรียนตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีในการศึกษาให้ครอบคลุมทั้งการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอน ในส่วนของความร่วมมือในอาเซียน ไทยเน้นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกและประเทศคู่เจรจา ทั้งในด้านการพัฒนาครูและเยาวชน ผ่านการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียน/นักศึกษา การแลกเปลี่ยนครูและบุคลากรทางการศึกษา และการจัดสรรทุนการศึกษาในทุกระดับ สร้างระบบการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของศตวรรษที่ 21 และเตรียมความพร้อมให้เด็กและเยาวชนสามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ที่ประชุมยังรับรองเอกสารผลลัพธ์จากการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียน ครั้งที่ 13 ที่ประชุมให้การรับรองถ้อยแถลงร่วมบุรีรัมย์ (Joint Statement of the 13th ASEAN Education Ministers Meeting) ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025 โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของการศึกษาในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ที่มุ่งส่งเสริมการศึกษาในภูมิภาคให้ตอบสนองต่อความท้าทายในระดับโลก ประเทศไทยได้รับการสนับสนุนในหัวข้อ “พลิกโฉมการศึกษาในยุคดิจิทัล” ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกและฟื้นฟูโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนในภูมิภาค เพื่อยกระดับการศึกษาที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล การดำเนินนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ที่มุ่งเน้นการจัดการกับความท้าทายต่าง ๆ ของครูและนักเรียน รวมถึงการดูแลสุขภาพ และความเป็นอยู่ของครูและนักเรียนให้ดีขึ้น ที่ประชุมยังได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินการตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่ตกหล่น และปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของระบบการศึกษา รวมถึงการตอบสนองต่อความท้าทายต่าง ๆ ของโลกที่จำเป็นต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อว่า การประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 13 ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ซึ่งภาพรวมผู้เข้าร่วมประชุมมีความพึงพอใจ โดยการประชุมครั้งที่ 14 จะจัดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า คือปี2569 โดยสาธารณรัฐสิงคโปร์ เป็นประเทศเจ้าภาพ