นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่นายพริษฐ์ วัชระสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.) อภิปรายงบประมาณโครงการการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา(Anyway Anytime) ซึ่งมีการของบประมาณตั้งแต่ปีที่แล้วกว่า 400 กว่าล้านบาท และปีนี้ได้รับงบเพิ่มอีกกว่า 3,000 ล้านบาท แต่รายละเอียดโครงการหลายส่วนที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์การประเมินขั้นพื้นฐาน มีการดำเนินการความล่าช้า นั้น โจทย์ของการดำเนินโครงการนี้ไม่ได้เริ่มจากอุปกรณ์ แต่จะให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ หรือเนื้อหาสาระที่ใช้ในการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กสามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา เพิ่มโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งตามแนวทางที่วางไว้หากศธ. สามารถจัดทำคอนเทนต์ที่สมบูรณ์ได้เรียบร้อย โรงเรียน หรือนักเรียนที่มีอุปกรณ์อยู่แล้ว ก็สามารถเข้าใช้ได้ทันที
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ศธ.ได้รวมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวมถึงมหาวิทยาลัย ในการจัดทำคอนเทนต์ ใน 3 รูปแบบ คือ อีบุ๊ค ,มัลติมิเดีย คือมีคนช่วยสอน ครูทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสอนคอยดูแลภาพรวม และการจัดทำใบงานให้ผู้เรียนในแต่ละระดับชั้นได้ทำกิจกรรม มีการวางแผนการสอน และมีการแชร์แผนการสอนให้กับผู้อื่น ระบบเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นส่วนเสริม จากการเรียนการสอนปกติ ส่วนคอนเทนต์จะมีความสอดคล้องกับเนื้อหาสาระการเรียนรู้หรือไม่นั้น ต้องบอกว่า เนื้อหาในคอนเทนต์จะมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขณะที่หลักสูตรการเรียนการสอนนั้นอยู่ระหว่างการปรับปรุง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยยึดโยงกับโครงสร้างเดิม เน้นการจัดการเรียนการสอน แบบ Active Learning จัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือทำและได้ใช้กระบวนการคิด
“ส่วนที่บอกว่า การดำเนินงานปี2567มีความล่าช้านั้น ต้องเข้าใจว่า ปีงบประมาณ2567 มาช้า อันนี้ก็ต้องพูดกันตมาข้อเท็จจริง เบิกจ่ายได้ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การทำงานทุกอย่างจึงต้องเป็นไปตามขั้นตอน ส่วนงบปี2568 นั้น เดิมศธ.ได้ขอรับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ทุกที่ทุกเวลา 7,644,068,100 บาท แต่รับการจัดสรรเพียง 3,395,466,600 บาท ถูกตัดไป4,148,601,500 บาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการจัดทำแพลตฟอร์มและเนื้อหาการเรียนครอบคลุมทุกช่วงชั้น ที่ผ่านมาได้มีการเสนอขอแปรญัตติงบส่วนที่ถูกตัดไปกว่า 4,148,601,500 บาท กลับคืน แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ ดังนั้นงบที่ได้รับปี2568 จึงเพียงพอสำหรับการจัดทำคอนเทนต์เฉพาะมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น ยังไม่เพียงพอสำหรับม.ต้น และระดับประถมศึกษา เรียกว่าโครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพียงแต่อาจจะยังไม่ครอบคลุมทุกฟังชั่น แต่ยืนยันว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนมีความโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้”นายสิริพงศ์ กล่าว
นายสิริพงศ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่สามารถแปรญัตติ งบเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา กว่า 4,000 ล้านบาทคืนมาได้ แต่ก็ได้รับการสนับสนุน ในส่วนของค่าเช่า Cloud Computing หรือ Cloud (คลาวด์) เพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าใช้งานพร้อมกันได้จำนวนมาก โดยไม่ติดขัด รวมถึงให้ทุกคนมีพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลรวมถึงมีระบบการดูแลความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวของนักเรียน ส่วนการแจกอุปกรณ์การเรียนนั้น เบื้องต้นจะเป็นระบบเช่าซื้อระยะเวลา 5 ปี ซึงจะรวมถึงการดูแลรักษา ซิมการ์ด อินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆประกอบด้วย ส่วนจะเป็นโน๊ตบุ๊ก หรือไอแพดนั้น ยังไม่สามารถสรุปได้